คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารจำเลยที่ 2 ที่ค้ำประกันหนี้ในการที่จำเลยที่ 1 ซื้อสินค้าไปจากโจทก์ได้หายไปจากกองการเงินของโจทก์ โดย มีผู้ลักเอาไป มิใช่จำเลยที่ 1 ได้เอกสารดังกล่าวคืนมาจากโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยที่ 2จะได้รับเอกสารนั้นมาจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริต ก็มิใช่กรณีที่หนี้ของลูกหนี้ได้ระงับสิ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 698 สัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 2 ยังมีผลบังคับ ข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา327 วรรคสาม มิใช่ข้อสันนิษฐานเด็ดขาด หากปรากฏข้อเท็จจริงจากทางนำสืบเป็นอย่างอื่น ก็ฟังตามข้อเท็จจริงนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาซื้อหัวกระเทียมแห้งจากโจทก์ โดย จะชำระราคาภายใน 12 เดือน นับแต่วันที่ได้รับมอบหัวกระเทียมแห้ง หากผิดนัดยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ12 ต่อปี จำเลยที่ 1 รับมอบหัวกระเทียมแห้งไปจากโจทก์ 4 ครั้งรวมเป็นเงิน 1,728,585.50 บาท จำเลยที่ 1 ได้นำหนังสือสัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 2 จำนวน 2 ฉบับ คือฉบับเลขที่บร.56/2527 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2527 จำนวนเงิน 1,500,000 บาทและฉบับเลขที่ บร.61/2527 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2527 จำนวนเงิน352,499.50 บาท มอบให้โจทก์ยึดถือไว้ เมื่อครบกำหนดชำระราคาหัวกระเทียมแห้งแต่ละคราวแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันตามฟ้องมอบให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มิได้นำหนังสือสัญญาค้ำประกัน2 ฉบับ ดังกล่าวไปมอบให้โจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้นำหนังสือค้ำประกัน 2 ฉบับ นั้นมามอบคืนให้จำเลยที่ 2 พร้อมทั้งได้รับหลักประกันที่ให้ไว้และเงินค่าธรรมเนียมการออกหนังสือค้ำประกันคืนไปจากจำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 2 กับโจทก์จึงไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกันหรือหากจะฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบหนังสือสัญญาค้ำประกันให้โจทก์ไว้เป็นหลักประกันแต่การที่จำเลยที่ 2 ได้รับหนังสือสัญญาค้ำประกันคืนมาแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 แสดงเจตนาชัดแจ้งที่จะยกเลิกหรือเพิกถอนการค้ำประกันจำเลยที่ 1 แล้ว และยังเข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 327 ว่าหนี้นั้นได้ระงับไปแล้วด้วยจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน จำเลยที่ 2อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยฎีกาจำเลยที่ 2 ข้อแรกว่า หนี้ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารจำเลยที่ 2เอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 มีผลระงับสิ้นไปแล้วหรือไม่ข้อนี้โจทก์นำสืบว่า หนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารจำเลยที่ 2เอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 มีข้อความระบุว่า จำเลยที่ 2 จะไม่เพิกถอนการค้ำประกันในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชอบตามเงื่อนไขสัญญา คือสัญญาซื้อขายกระเทียมที่ 46/2527 เอกสารหมาย จ.3แล้วจำเลยที่ 1 ได้ซื้อกระเทียมจากโจทก์ไป 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน1,728,585.50 บาท แต่ยังไม่ชำระราคา และหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารจำเลยที่ 2 เอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 ได้หายไปแต่มีฉบับที่ปลอมขึ้นได้ถูกนำมาเปลี่ยนไว้แทนที่ โจทก์ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ส่วนจำเลยที่ 2 นำสืบว่า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2527 จำเลยที่ 1 ได้นำหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารจำเลยที่ 2 เอกสารหมาย จ.4และ จ.5 มามอบให้จำเลยที่ 2 สาขาบุรีรัมย์ และจำเลยที่ 2สาขาบุรีรัมย์ ได้เพิกถอนการอายัดเงินฝาก ยกเลิกสัญญาค้ำประกันของนายกองชิ้น แซ่โต๋ว และคืนค่าธรรมเนียมให้จำเลยที่ 1บางส่วนแล้ว และอ้างว่าความรับผิดตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้ระงับไปแล้ว เห็นว่า เหตุที่หนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารจำเลยที่ 2 เอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 หายไปจากกองการเงินของโจทก์ปรากฏว่าโจทก์ไม่ทราบว่าได้หายไปเมื่อใด จึงไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ยินยอมคืนเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 แก่จำเลยที่ 1เนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ค่าซื้อกระเทียมให้โจทก์แล้วแต่เป็นเรื่องที่ได้มีการกระทำผิดต่อกฎหมายโดย มีผู้ลักเอาเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 ไปจากกองการเงินของโจทก์ และได้ความว่าเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2527 จำเลยที่ 1 ได้นำเอกสารหมาย จ.4และ จ.5 ไปคืนให้แก่จำเลยที่ 2 สาขาบุรีรัมย์ เมื่อเอกสารดังกล่าวหายไปจากความครอบครองของโจทก์ โดย ไม่ปรากฏว่าโจทก์คืนเอกสารนั้นแก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้เอกสารดังกล่าวมาอย่างไร จึงมิใช่กรณีที่จำเลยที่ 1 ได้เอกสารดังกล่าวมาโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยที่ 2 จะได้เอกสารนั้นไว้ในครอบครองแต่ก็หาใช่กรณีที่หนี้ของลูกหนี้ได้ระงับสิ้นไปแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698 ไม่ สัญญาค้ำประกันของธนาคารจำเลยที่ 2 เอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 ยังคงมีผลบังคับตามเงื่อนไขบังคับแห่งสัญญาซื้อขายกระเทียมซึ่งจำเลยที่ 2 ยอมเข้าค้ำประกันผูกพันตนไว้ หนี้ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารจำเลยที่ 2 เอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 จึงยังไม่ระงับ โจทก์ชอบที่จะบังคับเอาจากจำเลยที่ 2 ตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าว แม้จำเลยที่ 2 จะอ้างว่ารับคืนสัญญาค้ำประกันนั้นจากจำเลยที่ 1 โดยสุจริตก็หาใช่เหตุที่จะทำให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นความรับผิดไม่
ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า เอกสารแห่งหนี้ตามสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.4 และ จ.5 ได้เวนคืนมายังจำเลยที่ 2 แล้วจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 327 วรรคสาม จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ นั้น เห็นว่า ข้อสันนิษฐานตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวมิใช่ข้อสันนิษฐานเด็ดขาด หากปรากฏข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น ก็ย่อมฟังตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้นได้ เมื่อโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หนี้ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันดังกล่าวยังไม่ระงับไปดังได้วินิจฉัยมาแล้ว กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทข้อสันนิษฐานแห่งกฎหมายมาตราดังกล่าวดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกาจำเลยที่ 2 จึงยังต้องรับผิดต่อโจทก์”
พิพากษายืน

Share