แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เรื่องอายุความมิใช่สภาพแห่งข้อหา โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวมาในฟ้องว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใดแม้โจทก์จะฟ้องคดีเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยทำละเมิดก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ขับรถบรรทุกสิบล้อของจำเลยที่ 1 ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2525 เวลากลางคืน จำเลยที่ 2ได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อคันดังกล่าวด้วยความประมาทชนเกาะกลางถนนบริเวณสามแยกปักธงชัย ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความเนื่องจากโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกำหนด 1 ปี นับแต่โจทก์ได้รู้ถึงเหตุละเมิดและรู้ตัวบุคคลผู้พึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องถึงวันที่ทำการละเมิดและรู้ตัวว่าจำเลยเป็นผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมแล้ว โจทก์จึงต้องฟ้องคดีเสียภายในหนึ่งปีนับแต่นั้นโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินหนึ่งปีโจทก์ก็จะต้องบรรยายฟ้องให้เห็นว่าเหตุใดโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเกินหนึ่งปีได้ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายเหตุที่โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีดังกล่าวได้และเมื่อจำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลก็ต้องฟังว่าคดีโจทก์ขาดอายุความพิเคราะห์แล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172วรรค 2 บัญญัติว่า “คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น” เห็นว่า เรื่องอายความนั้นหาใช่สภาพแห่งข้อหาไม่โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวมาในฟ้องว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด คดีนี้ฟ้องของโจทก์ได้ระบุมาโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับแล้วจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ดังนั้น แม้โจทก์จะฟ้องคดีเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยทำละเมิดโดยมิได้บรรยายว่าเหตุใดโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเกิน1 ปี ได้ แต่โจทก์ก็ได้นำสืบให้เห็นแล้วว่าโจทก์ฟ้องคดีเมื่อยังไม่พ้น 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความดังที่จำเลยต่อสู้ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน