แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงไปยังเรือหาปลาของผู้ตายกับพวกเป็นชุด ๆ จำนวนหลายสิบนัด ซึ่งจำเลยทั้งสี่รู้ดีว่าในเรือหาปลาดังกล่าวมีคนอยู่ จำเลยทั้งสี่ย่อมเล็งเห็นผลว่า กระสุนปืนอาจถูกคนในเรือถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกบังอาจร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงเด็กชายเก่ง นางพิจิตร นายขาว โดยเจตนาฆ่า ขณะบุคคลทั้งสามอยู่ในเรือเพื่อหาปลาในแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ และริบของกลาง
จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธ
นายจันทร์บิดานางพิจิตรผู้ตายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องของกลางริบ
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑, ๒, ๓, ๔ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ จำคุกคนละ ๒๐ ปี คำเบิกความของจำเลยที่ ๑ ที่ ๔ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ หนึ่งในห้า คงจำคุกจำเลยที่ ๑ ที่ ๔ คนละ ๑๖ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑, ๒, ๓, ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า วันเกิดเหตุเวลา ๓ นาฬิกา นายขาว ผู้ตายกับพวกนำเรือหาปลารวม ๕ ลำ ออกช้อนปลาในแม่น้ำเจ้าพระยาทางเหนือสะพานอ่างทอง ผู้ตายกับพวกล่องเรือถึงบริเวณเหนือวัดโพธิ์ทูลที่เกิดเหตุ มีไฟฉายส่องกวาดมาจากบนฝั่งซ้ายมือมาที่เรือหาปลา แล้วมีปืนยิงมาที่เรือผู้ตายกับพวกเป็นชุด ๆ หลายนัด กระสุนปืนถูกนายขาว นางพิจิตร และเด็กชายเก่ง ซึ่งอยู่ในเรือลำเดียวกันถึงแก่ความตาย
ปัญหาว่าจำเลยที่ ๑, ๒, ๓, ๔ ได้ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแล้วเชื่อว่าจำเลยทั้งสี่ได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้องจริง และศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ใช้อาวุธปืนยิงไปยังเรือหาปลาของผู้ตายกับพวกเป็นชุด ๆ จำนวนหลายสิบนัด ซึ่งจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ รู้ดีว่าในเรือหาปลาดังกล่าวมีคนอยู่ จำเลยทั้งสี่ย่อมเล็งเห็นผลว่า กระสุนปืนอาจถูกคนในเรือถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ เป็นการร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
พิพากษายืน