แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ศาลชั้นต้นจะไม่ได้กำหนดประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ต่อจำเลยที่ 2 ไว้ แต่จำเลยที่ 2ได้ให้การต่อสู้ไว้ด้วยว่า จำเลยที่ 2 ได้พิจารณาและสั่งการเกี่ยวกับคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์โดยสุจริตตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย มิได้ทำละเมิดต่อโจทก์จึงเท่ากับจำเลยที่ 2 ได้ต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะมิได้วินิจฉัยไว้ ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ จำเลยที่ 1เป็นนิติบุคคลโดยเป็นกรมในรัฐบาล โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำการใดอันเป็นการโต้แย้งสิทธิหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ในฐานะนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า ได้มีหนังสือแจ้งโจทก์ว่า เครื่องหมายการค้าเหมือนหรือเกือบเหมือนกับเครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียน ส. ที่ยื่นไว้ก่อนโจทก์จึงจดทะเบียนให้ตามคำขอไม่ได้ จนกว่าจะได้ทำความตกลงกันเองหรือนำคดีไปสู่ศาล เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ได้พิจารณาสั่งการไปตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ. 2474 มาตรา 17 วรรคแรก โจทก์จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายวิชัยไปยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าต่อจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2มีหนังสือถึงโจทก์แจ้งว่าเครื่องหมายการค้าตามคำขอของโจทก์เหมือนหรือเกือบเหมือนกับเครื่องหมายการค้าตามคำขอของนายสนั่นที่ได้ยื่นขอจดทะเบียนไว้เช่นกัน ให้โจทก์ไปตกลงกับนายสนั่นหรือนำคดีสู่ศาล การที่จำเลยที่ 2 ไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้โจทก์เป็นการไม่ชอบ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 ได้พิจารณาสั่งการคำขอของโจทก์โดยสุจริตตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ไปยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าต่อจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2ในฐานะนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้มีหนังสือถึงโจทก์ แจ้งว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามคำขอเหมือนหรือเกือบเหมือนกับเครื่องหมายการค้าตามคำขอของนายสนั่นที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนไว้ จึงดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้โจทก์ไม่ได้จนกว่าจะได้ทำความตกลงกันเอง หรือนำคดีไปสู่ศาล แต่โจทก์มิได้ไปทำความตกลงกับนายสนั่นและไม่ได้ฟ้องนายสนั่นต่อศาลกลับมาฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ เห็นว่าแม้ศาลชั้นต้นจะไม่ได้กำหนดประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ต่อจำเลยที่ 2 ไว้แต่จำเลยที่ 2 ได้ให้การต่อสู้ไว้ด้วยว่า จำเลยที่ 2 ได้พิจารณาและสั่งการเกี่ยวกับคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์โดยสุจริตตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายมิได้ทำละเมิดต่อโจทก์ จึงเท่ากับจำเลยที่ 2 ได้ต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วยปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะมิได้วินิจฉัยไว้ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามคำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 โจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลโดย เป็นกรมในรัฐบาลสังกัดกระทรวงพาณิชย์ และมีคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้โจทก์โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำการใดอันเป็นการโต้แย้งสิทธิหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ในฐานะนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า ได้มีหนังสือแจ้งโจทก์ว่า เครื่องหมายการค้าเหมือนหรือเกือบเหมือนกับเครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนของนายสนั่นที่ยื่นไว้กับโจทก์ จึงจดทะเบียนให้ตามคำขอไม่ได้ จนกว่าจะได้ทำความตกลงกันเองหรือนำคดีไปสู่ศาล เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ได้พิจารณาสั่งการไปตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในมาตรา 17 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ที่บัญญัติว่า “ถ้ามีบุคคลหลายคนต่างคนต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าอันเดียวกันหรือเกือบ เหมือนกันใช้สำหรับสินค้าเดียวหรือชนิดเดียวกันและต่างคนต่างร้องขอจดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น ๆท่านให้นายทะเบียนมีหนังสือส่งลงทะเบียนไปรษณีย์บอกไปยังผู้ขอจดทะเบียนทุกคนว่าขอซ้ำกัน ให้ตกลงกันเองหรือนำคดีไปสู่ศาล”โจทก์จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป มิใช่มาฟ้องจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าเช่นคดีนี้ เพราะตามคำบรรยายฟ้องก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติหน้าที่พิจารณาและสั่งการเกี่ยวกับคำขอของโจทก์ไม่ถูกต้องหรือกลั่นแกล้งโจทก์แต่อย่างใด จำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย
พิพากษายืน