แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31 จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้ว ให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก หมายความว่าฟ้องแย้งจะต้องเกี่ยวกับฟ้องเดิม ศาลจึงจะรับฟ้องแย้งไว้พิจารณาได้ โจทก์ในฐานะนายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามเนื่องจากจำเลยทั้งสามปฏิบัติงานโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายจำเลยทั้งสามยื่นคำให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายและไม่มีความผิดตามที่โจทก์กล่าวหา และฟ้องแย้งว่า โจทก์ตั้งกรรมการสอบสวนและลงโทษทางวินัยด้วยการตัดเงินเดือนภาคทัณฑ์ และทำทัณฑ์บนแก่จำเลยทั้งสามตามลำดับ เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ทำให้ขาดรายได้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามในคดีนี้ทำให้จำเลยต้องเสียเงินว่าจ้างทนายความมาต่อสู้คดี แม้ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามกล่าวอ้างว่าการสอบสวนและลงโทษทางวินัยต่อจำเลยทั้งสามเป็นการไม่ถูกต้องเพราะจำเลยทั้งสามไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหาอันเป็นเรื่องเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามในคดีนี้ แต่เมื่อจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ขอให้รับฟ้องแย้งส่วนที่เป็นค่าเสียหายที่เป็นตัวเงิน อันได้แก่ค่าขาดรายได้จากการไม่ได้เลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างทนายความ ซึ่งปัญหาที่ว่าเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ถูกลงโทษทางวินัยแล้วจะไม่ได้เลื่อนขั้นเงินเดือนในปีงบประมาณ 2534 จริงหรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด เป็นข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและยังต้องพิจารณาตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับเรื่องนั้นโดยเฉพาะ จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องของโจทก์ ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามที่ฟ้องเรียกเงินค่าว่าจ้างทนายความมาว่าความในคดีนี้ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะพิจารณาว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมเช่นเดียวกัน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์กระทำโดยประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เรียกเก็บค่าไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ได้ขอให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้ฟ้องผู้ใช้ไฟฟ้าเรียกค่าไฟฟ้าต่อศาลแพ่งแล้ว โจทก์กลับฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย และสอบสวนลงโทษทางวินัยต่อจำเลยทั้งสามทำให้จำเลยทั้งสามเสียหายโดยไม่ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน และต้องเสียเงินค่าจ้างทนายความต่อสู้คดีขอให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษจำเลยทั้งสามและให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับคำให้การของจำเลยทั้งสามส่วนฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามกระทำละเมิดเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานและกระทำผิดข้อบังคับ ขอให้ใช้ค่าเสียหายจำเลยทั้ง สามให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยทั้งสามปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับแล้ว กรรมการสอบสวนของโจทก์ดำเนินการสอบสวนโดยประมาทเลินเล่อและไม่สุจริต ทั้งโจทก์ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายตามฟ้องจากนายคุณจึงบรรเจิดศักดิ์ และห้างหุ้นส่วนจำกัดมหาคุณพลาสติคก์ ต่อศาลแพ่งแล้ว การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้อีกโดยอ้างว่าเป็นค่าเสียหายตามสัญญาจ้างแรงงาน เป็นการแสวงหากำไรโดยไม่ชอบทำให้จำเลยทั้งสามเสียหาย ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามเกี่ยวกับฟ้องเดิมขอให้รับฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามไว้พิจารณาพิพากษา พิเคราะห์แล้วอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามดังกล่าว พอแปลได้ว่าจำเลยทั้งสามอุทธรณ์ขอให้รับฟ้องแย้งส่วนที่เป็นค่าเสียหายที่เป็น ตัวเงินอันได้แก่ค่าขาดรายได้จากการไม่ได้เลื่อนขั้นเงินเดือนและค่าจ้างทนายความ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177วรรคสาม ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้วให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก หมายความว่าฟ้องแย้งจะต้องเกี่ยวกับฟ้องเดิมศาลจึงจะรับฟ้องแย้งไว้พิจารณาได้ คดีนี้โจทก์ในฐานะนายจ้างฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามเนื่องจากจำเลยทั้งสามปฏิบัติงานโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสามยื่นคำให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายและไม่มีความผิดตามที่โจทก์กล่าวหา โจทก์กลับตั้งกรรมการสอบสวนและลงโทษทางวินัยแก่จำเลยที่ 1 ด้วยการตัดเงินเดือนร้อยละ 10 ภาคทัณฑ์จำเลยที่ 2 และทำทัณฑ์บนจำเลยที่ 3 เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้เลื่อนขั้นเงินเดือนในปีงบประมาณ 2534 ทำให้ขาดรายได้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามในคดีนี้ทำให้จำเลยที่ 1 ต้องเสียเงินว่าจ้างทนายความมาต่อสู้คดีเป็นเงิน 20,000 บาท จำเลยที่ 2 เสียเงินว่าจ้างทนายความ10,000 บาท จำเลยที่ 3 เสียเงินว่าจ้างทนายความ 20,000 บาท แม้ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามกล่าวอ้างว่าการสอบสวนและลงโทษทางวินัยต่อจำเลยทั้งสามเป็น การไม่ถูกต้องเพราะจำเลยทั้งสามไม่ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา อันเป็นเรื่องเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามในคดีนี้ แต่ปัญหาที่ว่าเมื่อจำเลยที่ 1ที่ 2 ถูกลงโทษทางวินัยดังกล่าวแล้วจะไม่ได้เลื่อนขั้นเงินเดือนในปีงบประมาณ 2534 จริงหรือไม่ เป็นจำนวนเงินเท่าใด เป็นข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและยังต้องพิจารณาตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องของโจทก์คดีนี้ ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามที่ฟ้องเรียกเงินค่าว่าจ้างทนายความมาว่าความในคดีนี้ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะพิจารณาว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสาม จึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน.