แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522แต่นำสืบรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่31ตุลาคม2522แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าหลังจากจำเลยได้รับคำสั่งจากโจทก์ให้ระงับการก่อสร้างและให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมแล้วจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวรวมทั้งจำเลยได้ให้การรับสารภาพเมื่อถูกฟ้องที่ศาลแขวงพระนครเหนือ จนศาลพิพากษาปรับจำเลยเป็นเงิน500บาทก็หาทำให้ข้อเท็จจริงผูกพันจำเลยว่าจำเลยได้ทำการดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่31ตุลาคม2522ไม่โจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมดังกล่าวตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522กรณีไม่ต้องวินิจฉัยปรับบทกฎหมายตามพ.ร.บ.ควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ.2479เพราะพยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ดัดแปลงต่อเติมอาคารในระหว่างที่พ.ร.บ.ดังกล่าวใช้บังคับอยู่ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าการชี้ขาดคดีส่วนแพ่งต้องถือข้อเท็จจริงตามส่วนอาญานั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ไม่ได้ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองอาคารได้ดัดแปลงต่อเติมอาคารดังกล่าว โดยไม่ได้รับอนุญาตและเป็นการฝ่าฝืนข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เป็นกรณีไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงและออกใบอนุญาตให้ได้ โจทก์ดำเนินคดีกับจำเลยจนศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาปรับจำเลย 500 บาท และโจทก์ได้มีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างกับให้รื้อถอน จำเลยทราบคำสั่งแล้วไม่ปฏิบัติตามและมิได้อุทธรณ์คำสั่ง ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างต่อเติม หากจำเลยไม่ยอมรื้อถอนก็ให้โจทก์รื้อถอนได้เองตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 42 โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ทำการก่อสร้างต่อเติมอาคารไม่เคยได้รับคำสั่งของโจทก์ และส่วนที่ต่อเติมไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายและไม่ได้ขัดต่อเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างต่อเติมอาคาร แต่จำเลก่อสร้างต่อเติมอาคาร แต่จำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองอาคารซึ่งต่อเติมขัดต่อข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร จึงต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่ต่อเติม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นหยิบยกพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2478 ขึ้นวินิจฉัยเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้องและเมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่าการก่อสร้างต่อเติมได้กระทำก่อนพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ใช้บังคับก็ไม่อาจนำพระราชบัญญัติดังกล่าวมาย้อนหลังใช้บังคับได้ พิพากษากลับยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาเป็นประการแรกว่า โจทก์นำสืบรับฟังได้ว่าจำเลยได้เป็นผู้ดัดแปลงต่อเติมอาคารดังกล่าวภายหลังจากที่ซื้ออาคารพิพาทแล้ว คือภายหลังวันที่ 31 ตุลาคม 2522 อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ได้ความจากนายไกรสีห์ หล่ำวิไวเกษร นายช่างโยธา เขตพญาไท ซึ่งเป็นพยานโจทก์เพียงคนเดียวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์ตรวจพบนั้น อาคารพิพาทได้ดัดแปลงต่อเติมเสร็จแล้ว แต่ใครจะเป็นคนดัดแปลงต่อเติมอาคารไม่ทราบ ทั้งไม่ทราบว่าขณะจำเลยซื้ออาคารพิพาทได้มีการดัดแปลงต่อเติมแล้วหรือไม่ ข้อเท็จจริงจึงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่ 31 ตุลาคม 2522 ดังที่โจทก์ฎีกาและแม้จำเลยจะไม่ได้นำนายวิเชียร ผู้ขายอาคารพิพาทมาเบิกความเป็นพยานหรือแม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าหลังจากจำเลยได้รับคำสั่งจากโจทก์ให้ระงับการก่อสร้างและให้รื้อถอนอาคารส่วนที่ดัดแปลงต่อเติมแล้ว จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว (หมายถึงอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์) รวมทั้งจำเลยได้ให้การรับสารภาพเมื่อถูกฟ้องที่ศาลแขวงพระนครเหนือจนศาลพิพากษาปรับจำเลยเป็นเงิน 500 บาท ก็ตาม ก็หาทำให้ข้อเท็จจริงดังกล่าวผูกพันจำเลยว่า จำเลยได้ทำการดัดแปลงต่อเติมอาคารหลังจากวันที่ 31 ตุลาคม 2522ดังโจทก์ฎีกาไม่ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าการชี้ขาดคดีส่วนแพ่งในคดีนี้ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคดีส่วนอาญานั้น เห็นว่าปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวโจทก์ไม่ได้ยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ดังนั้นโจทก์จึงไม่อาจขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522ได้ตามฎีกาของโจทก์ โจทก์ฎีกาประการต่อมาว่า ศาลชอบที่จะปรับความผิดของจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารพุทธศักราช 2479 อันเป็นการปรับใช้บทกฎหมายให้ถูกต้อง เห็นว่าจากคำเบิกความของนายไกรสีห์ พยานโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ ว่าจำเลยได้ดัดแปลงต่อเติมอาคาร ในระหว่างที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับอยู่คืนก่อนที่พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 15 พฤษภาคม 2522 เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ดังกล่าวจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าได้มีการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 และจำเลยอาจถูกบังคับให้ปฏิบัติตามบทกฎหมายที่กล่าวแล้วได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ”.