แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาเป็นทรัพย์ที่พิพาทกันมาในศาลชั้นต้นซึ่งคู่ความตกลงกันว่ามีราคา 90,000 บาท ปัญหาเรื่องราคาทรัพย์ที่พิพาทจึงยุติตามที่ตกลงกัน โดยไม่อาจขอให้กำหนดราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันใหม่ให้มีจำนวนเกินกว่า 200,000 บาท เพื่อให้มีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงได้อีก คดีนี้จึงเป็นคดีที่จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000บาท ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365(3) และให้ขับไล่จำเลยและบริวารรื้อบ้านพิพาทออกจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่597 เลขที่ดิน 40 และเลขที่ 596 เลขที่ดิน 39 หมู่ที่ 4 ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และทำที่ดินอยู่ในสภาพเดิมกับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน ๆ ละ 2,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่พิพาท
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธในคดีส่วนอาญา และให้การในคดีส่วนแพ่งว่า จำเลยได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่พิพาทต่อเนื่องมาโดยตลอดมิได้ทอดทิ้งจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365(3) ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 4,000 บาทไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษมาก่อน โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 597 เลขที่ดิน 40 เลขที่ 596 เลขที่ดิน 39 หมู่ที่ 4ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และทำที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม และให้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ 300 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะออกจากที่พิพาท
โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จำเลยถึงแก่ความตายนายเปลี่ยน ใยฝ้าย บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนเฉพาะในคดีส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนอาญาเสียจากสารบบความและอนุญาตให้นายเปลี่ยน ใยฝ้ายเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยเฉพาะในคดีส่วนแพ่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาเป็นทรัพย์ที่พิพาทกันมาในศาลชั้นต้น ซึ่งคู่ความตกลงกันว่ามีราคา 90,000 บาทปัญหาเรื่องราคาทรัพย์ที่พิพาทจึงยุติตามที่ตกลงกัน โดยไม่อาจขอให้กำหนดราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันใหม่ให้มีจำนวนเกินกว่า 200,000 บาท เพื่อให้ตนมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงได้อีก คดีนี้จึงเป็นคดีที่จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว
พิพากษายกฎีกาของจำเลย