คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติ ญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 56บัญญัติให้มีการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล ต่อ คชก.จังหวัดได้โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อประธาน คชก.ตำบล การที่จำเลยที่ 1ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล ต่อนายอำเภอและประธาน คชก.ตำบลผ่านนายอำเภอ โดยปลัดอำเภอซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการ คชก.ตำบลเป็นผู้รับหนังสือก็ตาม เมื่อปรากฏว่าประธาน คชก.ตำบลไม่ได้รับหนังสืออุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล ต่อ คชก.จังหวัด คำวินิจฉัยของคชก.ตำบล จึงเป็นที่สุด เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ยอมขายนาพิพาทให้โจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอันเป็นที่สุดดังกล่าว โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 มาตรา 58 วรรคแรก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่านาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1ได้ขายที่นาดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 โดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลสามบัณฑิตได้พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิซื้อนาดังกล่าวคืนได้จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาแปลงดังกล่าวจากจำเลยที่ 2 ในราคา 45,000 บาท ซึ่งเป็นราคาท้องตลาดขณะนั้นได้ขอให้พิพากษาว่า การซื้อขายที่ดินดังกล่าวของจำเลยทั้งสองไม่ชอบด้วยกฎหมาย และบังคับให้จำเลยที่ 2 โอนขายที่ดินให้โจทก์ทั้งแปลงในราคา 45,000 บาท มิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยที่ 1 ให้การว่า คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลยังไม่เป็นที่สุด เนื่องจากจำเลยที่ 1ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 2 จดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 5907 เนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน หมู่ที่ 6 ตำบลสามบัณฑิต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้โจทก์ในราคา45,000 บาท ถ้าจำเลยที่ 2 ไม่ไปจดทะเบียน ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 2 กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 มาตรา 56 บัญญัติว่า “ผู้เช่านาผู้เช่าช่วงนา หรือผู้ให้เช่านาที่เป็นคู่กรณี หรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาอาจอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดได้โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อประธานคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล แต่ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลได้มีคำวินิจฉัย
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลที่มิได้อุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งให้เป็นที่สุด” ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลสามบัณฑิต (ผ่านนายอำเภออุทัย) โดยนายอัมพรปลัดอำเภออุทัยซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลสามบัณฑิตเป็นผู้รับหนังสือดังกล่าวก็ตาม เมื่อปรากฏว่านายประคองประธานคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลสามบัณฑิตไม่ได้รับหนังสืออุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ยื่นอุทธรณ์ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลสามบัณฑิตต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลดังกล่าว จึงเป็นที่สุด เมื่อจำเลยที่ 2ไม่ยอมขายนาพิพาทให้โจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอันเป็นที่สุดของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 มาตรา 58 วรรคแรก
พิพากษายืน

Share