แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๑ จำเลยลักทรัพย์ของโจทย์ไปรวมราคา ๘๑๐ บาท ในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๔๖๑ เจ้าพนักงานค้นได้เงินเหรียญบาทของกลางบนเรือนจำเลย ๒๐๐ บาท  ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญาส่วนที่ ๙ หมวดที่ ๑ ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธข้อหา  แลต่อสู้ว่าเงินเหรียญบาทของกลางนั้นเปนของจำเลย ฯ
ทางพิจารณาได้ความว่ามีผู้ลักทรัพย์ของโจทย์ไปจริง  ทรัพย์ที่ผู้ร้ายลักไปนั้นมีเงินเหรียญบาท๖๐๐ บาท  นอกนั้นเปนของรูปพรรณแต่ไม่ได้ความว่าผู้ใดลักไป  ต่อมาอีก ๒ เดือนเศษโจทย์มีความสงสัยจำเลย  เพราะเห็นจำเลยใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยผิดกว่าแต่ก่อนโจทย์จึงไปขอหมายต่อนายอำเภอให้กำนันมาค้นเรือนจำเลย  ชั้นต้นจำเลยไม่ยอมให้ค้น  เมื่อจำเลยทราบหมายแล้วจึงยอมให้ค้นแต่จำเลยรีบเข้าไปในเรือนก่อน  แล้วนั่งอยู่ในเรือนนั้น  กำนันได้ค้นในเรือนจำเลยแล้ว  สงสัยว่าจำเลยนั่งอยู่ที่เดียวไม่ลุกขึ้นไปไหนเลย  กำนันให้จำเลยลุกขึ้น  จึงได้เงินเหรียญบาท ๒๐๐ บาท อยู่ในถุงที่จำเลยนั่งทับ  แต่จำเลยก็ให้การแก้ว่า  จำเลยมีความกลัวกำนันแลพวกโจทย์ไม่รู้ว่าจะมาทำอะไร  จึงเอาถุงเงินมานั่งทับไว้ ฯ
ได้ความว่าดังกล่าวแล้ว ศาลจังหวัดสระบุรีเห็นว่าจำเลยมีกิริยาพิรุธควรฟังว่า  จำเลยได้เงินนี้ไว้โดยรู้สึกว่าเปนของร้าย  จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจรตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๒๑ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๓ เดือน  ให้เงินของกลางแก่โจทย์ไป ฯ
จำเลยอุทธรณ  ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่าโจทย์ไม่ได้เบิกความยืนยันว่เงินของกลางนั้นเปนของโจทย์  โดยจำตำหนิได้อย่างไร  จำเลยก็สามารถจะมีเงินอย่างนี้ได้เหมือนกัน  ยังไม่พอจะลงโทษจำเลยฐานรับของโจร  จึงพิพากษากลับคำพิพากษาเดิมให้ยกฟ้องของโจทย์  คืนเงินของกลางให้จำเลยไป ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาเดิม ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว  ทางพิจารณายังฟังไม่ได้ว่าเงินของกลางนี้เปนของโจทย์ที่ผู้ร้ายลักไป  เพราะไม่มีเครื่องหมายเปนพิเศษอย่างไร  เหตุที่จำเลยเอาถุงเงินมานั่งทับในเวลาเจ้าพนักงานมาค้นนั้น  จำเลยก็ให้การแก้ว่ามีความกลัวกำนันแลพวกโจทย์  ไม่รู้ว่าจะมาทำอะไรดังนี้  ยังไม่เพียงพอจะลงโทษจำเลยฐานรับของโจร  ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษายกฟ้องโจทย์ปล่อยจำเลยไปนั้นชอบแล้ว  ให้ยกฎีกาของโจทย์เสีย ฯ

