คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเข้าไปอยู่อาศัยในตึกแถวของผู้เสียหายก่อนที่สัญญาเช่าระหว่างผู้เสียหายกับ พ.จะครบกำหนดโดยพ. เป็นผู้อนุญาตเป็นการเข้าไปอาศัยอยู่ในฐานะบริวารของ พ. จึงเป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร ไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364 และการที่จำเลยยังคงอยู่ต่อเนื่องตลอดมา แม้สัญญาเช่าดังกล่าวจะครบกำหนดและ พ. ได้ออกไปแล้ว ทั้งผู้เสียหายได้แจ้งให้จำเลยออกไปแล้ว แต่จำเลยก็ยังไม่ยอมออกไปก็เป็นเรื่องละเมิดในทางแพ่งเท่านั้นไม่เป็นความผิดเช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364,365
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 ประกอบกับมาตรา 365(3)(ที่ถูกมาตรา 365(3) ประกอบมาตรา 364) จำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า เดิมนายพิชิตได้ทำสัญญาเช่าตึกแถวเลขที่ 58/1-2ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานครของผู้เสียหาย มีกำหนด 6 เดือน นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2534 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2534 สัญญาเช่าครบกำหนดและนายพิชิตออกไปจากตึกแถวแล้ว แต่ปรากฏว่าจำเลยอาศัยอยู่ในตึกแถวนั้นปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานบุกรุกตามฟ้องหรือไม่ ฟังได้ว่า ขณะที่จำเลยเข้าไปอยู่อาศัยในตึกแถวของผู้เสียหายนั้นจำเลยได้เข้าไปอยู่ก่อนที่สัญญาเช่าจะครบกำหนดโดยนายพิชิตผู้เช่าเป็นผู้อนุญาตซึ่งขณะนั้นนายพิชิตยังมีสิทธิครอบครองตึกแถวในฐานผู้เช่าอยู่ จำเลยจึงเข้าไปอาศัยอยู่ในฐานบริวารของนายพิชิต การเข้าไปอาศัยอยู่ในตึกแถวดังกล่าวจึงเป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวแล้ว การที่จำเลยยังคงอยู่ต่อเนื่องตลอดมา แม้สัญญาเช่าดังกล่าวจะครบกำหนดแล้ว และผู้เสียหายได้แจ้งให้จำเลยออกไปแล้วจำเลยก็ยังไม่ยอมออกไปนั้นก็เป็นเรื่องละเมิดในทางแพ่งเท่านั้นไม่เป็นความผิดทางอาญาเช่นกัน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share