คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายถูกแทงที่ใต้ลิ้นปี่ ค่อนมาด้านซ้าย ลักษณะบาดแผลเป็นรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง ด้านสามเหลี่ยมยาว 2.5 เซนติเมตร ด้านฐานโค้งยาว 1.5 เซนติเมตร ลึกเข้าช่องท้องผ่านเข้าตับตัดเส้นเลือดใหญ่ ความลึกของแผลจากผิวหนังถึงส่วนบนของตับ 17 เซนติเมตร แสดงว่าลักษณะของมีดที่ใช้แทงผู้ตายเป็นมีดขนาดใหญ่ ทั้งตั้งใจแทงโดยแรง แม้เป็นการแทงเพียงครั้งเดียวแต่ตำแหน่งบาดแผลคือที่ช่องท้องนั้นเป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยเลือกแทงส่วนที่เป็นอวัยวะสำคัญและผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนเกิดเหตุนั้นเอง เช่นนี้ถือว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๓๗๑, ๙๑ ที่แก้ไขแล้ว
จำเลยให้การว่า กระทำโดยบันดาลโทสะ ไม่มีเจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๗๒, ๓๗๑, ๙๑ ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะจำคุก ๓ ปี ฐานพาอาวุธปรับ ๑๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐
โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๑๕ ปี ลดโทษหนึ่งในสามตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๐ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยขึ้นรถติดตามผู้ตายกับนายจวนหรือดอนไป เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้ใช้มีดที่พกติดตัวแทงผู้ตายทันทีโดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีอาวุธหรือแสดงอาการต่อสู้หรือกล่าวถ้อยคำหยาบคายต่อจำเลยก่อนนั้นแล้ววินิจฉัยว่าผู้ตายถูกแทงที่ใต้ลิ้นปี่ ค่อนมาด้านซ้าย ลักษณะบาดแผลเป็นรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง ด้านสามเหลี่ยมยาว ๒.๕ เซนติเมตร ด้านฐานโค้งยาว ๑.๕ เซนติเมตร ลึกเข้าช่องท้องผ่านเข้าตับตัดเส้นเลือดใหญ่ ความลึกของแผลจากผิวหนังถึงส่วนบนของตับ ๑๗ เซนติเมตร แสดงว่าลักษณะของมีดที่ใช้แทงผู้ตายเป็นมีดขนาดใหญ่ ทั้งตั้งใจแทงโดยแรง แม้เป็นการแทงเพียงครั้งเดียว แต่ตำแหน่งบาดแผลคือที่ช่องท้องนั้นเป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยเลือกแทงส่วนที่เป็นอวัยวะสำคัญและผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนเกิดเหตุนั้นเอง เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
ส่วนปัญหาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการบันดาลโทสะหรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความว่านายจวนหรือดอนสามีจำเลยได้ออกไปจากบ้านตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ๓ วัน จำเลยสงสัยผู้ตายกับนายจวนหรือดอนติดต่อกันทางชู้สาว วันเกิดเหตุจำเลยเห็นผู้ตายเดินคล้องแขนนายจวนหรือดอนไปขึ้นรถแท็กซี่โดยมีนายนิคมร่วมไปด้วย จำเลยขึ้นรถแท็กซี่อีกคันหนึ่งตามไปด้วยความโกรธ ก่อนที่จำเลยจะขึ้นรถตามไป ปรากฏว่าผู้ตายและนายจวนหรือดอนไม่ได้พบกับจำเลย ดังนี้ การที่ผู้ตาย นายจวนหรือดอนและนายนิคมขึ้นรถไปด้วยกันจึงไม่มีลักษณะกระทำการเย้ยหยันสบประมาทไม่ยำเกรงจำเลยผู้เป็นภรรยาแต่อย่างใด เมื่อจำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่า จำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒
พิพากษายืน.

Share