แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีแทน โดยปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแต่ไม่ได้ขีดฆ่า ย่อมถือว่ายังไม่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 จะใช้หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานฟังว่าโจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีแทนโจทก์ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายอาทร สตันยสุวรรณฟ้องคดีนี้ตามหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้อง จำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ 13,000 บาท และได้รับเงินกู้ไปครบถ้วนแล้วคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2518 มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันตามสำเนาหนังสือสัญญากู้และสำเนาหนังสือสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้อง เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยทั้งสองไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ขอให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 22,950 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 13,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยกู้ยืมเงินโจทก์ และจำเลยที่ 2 ไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันการกู้เงินของจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง ลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันตามฟ้องเป็นลายมือปลอม โจทก์ไม่มีอำนาจมอบให้นายอาทร สตันยสุวรรณ เป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดีแทนโจทก์หนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 22,750 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 13,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายว่า นายอาทรสตันยสุวรรณ มีอำนาจฟ้องคดีนี้แทนโจทก์หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเอกสารหมาย จ.1 ทำขึ้นในวันฟ้องคือวันที่ 17 พฤษภาคม 2528 มีใจความว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายอาทร สตันยสุวรรณ เป็นตัวแทนของโจทก์ในกิจการต่าง ๆ รวมทั้งเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวปิดอากรแสตมป์ไว้ 30 บาท แต่ไม่ขีดฆ่า ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.1 ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ในลักษณะแห่งตราสารข้อ 7(ข) แล้ว แต่การที่ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์นั้น ย่อมถือว่ายังไม่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 จะใช้หนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมายจ.1 เป็นพยานหลักฐานฟังว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายอาทร สตันยสุวรรณฟ้องคดีแทนโจทก์ไม่ได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้ให้การต่อสู้เรื่องขีดฆ่าอากรแสตมป์ในศาลชั้นต้น จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในเรื่องนี้โดยไม่จำต้องฟังพยานเอกสารหมาย จ.1 ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2668/2519 และแม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นเรื่องอำนาจฟ้อง ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็ตามแต่หาได้กระทบถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมไม่ เนื่องจากใบมอบอำนาจได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้ว คงมีผลเฉพาะคู่ความ ศาลอุทธรณ์จึงไม่สมควรหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ได้แนบต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจที่ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนมาพร้อมกับคำฟ้องแต่ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์ จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้ว่า หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย จึงเป็นที่เห็นได้อย่างชัดแจ้งตั้งแต่เริ่มแรกแล้วว่า นายอาทร สตันยสุวรรณ ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ กรณีเช่นนี้เป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องวินิจฉัยและรับฟังพยานหลักฐานให้เป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหาที่ว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์ขึ้นมาวินิจฉัยให้ โดยถือว่ายังไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์จึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน