คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2087/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เช่านาได้ยอมให้เจ้าของนาเอานาให้ผู้อื่นเช่าแล้วทางราชการจึงได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านาในท้องที่นั้น ผู้เช่าเดิมจะอ้างสิทธิขอต่ออายุสัญญาเช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านาไม่ได้ เพราะขณะประกาศใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านานั้น การเช่าระหว่างผู้เช่าเดิมกับเจ้าของนาไม่มีเสียแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้เช่านามาจากนายแสวง วนางค์กูลหนึ่งแปลง จำเลยทั้งสามได้คุมพวกเข้าไปแย่งดำนาในที่ ๆ โจทก์เช่า ทำให้โจทก์เสียหายรวมเป็นเงิน ๑๒,๐๐๐ บาท ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าเสียหายอันเป็นผลมาแต่การละเมิดของจำเลย
จำเลยให้การตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ไม่ใช่เจ้าของนาพิพาท แม้โจทก์จะได้ทำสัญญาเช่านาจากนายแสวงจริง สัญญานั้นก็ใช้ไม่ได้เพราะจำเลยเป็นผู้เช่าอยู่ก่อนจำเลยเคยร้องเรียนต่ออำเภอ ๆ ชี้ขาดให้จำเลยเป็นผู้มีสิทธิการเช่านารายนี้ โจทก์มิได้ฟ้องคดีเสียภายใน ๖๐ วัน จึงขาดอายุความตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่านา พ.ศ.๒๔๙๓ ม.๑๔ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไป จำเลยที่ ๒,๓ เป็นเพียงลูกจ้างเท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ๔,๘๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องคดีเสียภายในกำหนด ๖๐ วัน ตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่านา นายแสวงจึงไม่มีสิทธิเอานาให้โจทก์เช่า สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับนายแสวงจึงเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าเมื่อพ.ศ. ๒๔๙๔ โจทก์ได้เข้าทำนารายพิพาทด้วยความยินยอมของจำเลยที่ ๑ ฉนั้นสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ ๑ กับนายแสวงจึงขาดตอนไม่มีอะไรผูกพันกันแล้ว พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่ามา พ.ศ.๒๔๙๓ ได้ประกาศใช้ในท้องที่สมุทรปราการซึ่งนาพิพาทตั้งอยู่ ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๔ ในขณะใช้ก.ม.ฉบับนี้ สัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ ๑ กับนายแสวงไม่มีเสียแล้ว จึงไม่มีอะไรที่จะต่ออายุได้ และแม้จะใช้ พ.ร.บ.นี้บังคับแก่สัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ ๑ กับนายแสวงได้ ก็ไม่เกี่ยวกับคดีนี้ เพราะคดีนี้เป็นเรื่องพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ใช่ระหว่างจำเลยที่ ๑ กับนายแสวง ประเด็นคดีนี้คงมีเพียงว่าโจทก์เสียหายจริงหรือไม่ และจำเลยมีข้อแก้ตัวตาม ก.ม.หรือไม่ นาพิพาทจะเป็นกรรมสิทธิของโจทก์หรือเปล่าไม่ใช่ข้อสำคัญ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยได้ละเมิดทำให้โจทก์เสียหายจริง แต่เสียหายเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ไม่มีคู่ความใดอุทธรณ์ ต้องถือว่าค่าเสียหายนั้นพอสมควรแล้วจำเลยไม่มีข้อแก้ตัวตาม ก.ม. จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสามต้องรับผิดฐานละเมิดต่อโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share