คำสั่งคำร้องที่ 501-508/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 8 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงฎีกาโจทก์เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงไม่รับโจทก์ทั้งแปดเห็นว่าฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดทั้งแปดสำนวนจริงหรือไม่และโจทก์กับพวกหรือจำเลยที่ 1ที่ 2 เป็นเจ้าของครอบครองที่พิพาททั้งแปดสำนวนจริงหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่คดีทั้งแปดสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทุกสำนวนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,86,90,91,137,144,148,157,161,162ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น นายแสวง สิทธิพรมมา จำเลยถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะนายแสวง ฯ ส่วนนายน้อย จันทวงษ์ จำเลยที่ 3 ในสำนวนที่ 3 ศาลชั้นต้นหมายเรียกให้ไปแก้คดีแล้วไม่ไป ศาลชั้นต้นออกหมายจับแล้วไม่ได้ตัว แต่ศาลยังคงพิจารณาคดีไปโดยไม่จำหน่ายคดีของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับนายน้อย ฯ โจทก์สำนวนที่ 7 ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 6 และโจทก์ทุกสำนวนขอถอนฟ้อง นายชัยพรสถิรคุปต์ ศาลชั้นต้นอนุญาตศาลชั้นต้นกำหนดให้เรียกนายสวัสดิ์จันทวงษ์ นางปลั่งจันทวงษ์นายเยิ้มสัมฤทธิ์ดีนายประเทืองใจเย็นนางลำดวนใจเย็น นายเสิงแม้นพรมและนางทองผลแม้นพรม เป็นโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 8 ตามลำดับกับเรียกนางหลง สิทธิพรมมา นายกลมศรีโพธิ์นายเกื้อสุวรรณศิลป์นายไชยรัตน์สอิ้งทองนายชิงชัยนวลศรีนายชุ้นงามเลิศชัยและนางสุภาพรงามเลิศชัยเป็นจำเลยที่ 1ถึงที่ 7 ตามลำดับ ต่อมาโจทก์ทุกสำนวนขอถอนฟ้องจำเลยที่ 6 และที่ 7ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตโจทก์ที่ 7 ถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ 8 ซึ่งเป็นภรรยาขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 8 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับดังกล่าว(อันดับ 324)
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 8 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 325)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานจำเลยที่ 1 มีน้ำหนักดีกว่าพยานโจทก์ทั้งแปดสำนวน ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 และนายแสวง มีสิทธิครอบครองตามที่ทางราชการได้ออก น.ส.3 ก. ให้ โจทก์มิใช่เจ้าของที่ดินพิพาทจึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5โจทก์ทั้งแปดฎีกาโต้เถียงว่าโจทก์ทั้งแปดเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ทั้งแปดชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share