คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมถูกชกบริเวณใบหน้าเป็นรอยฟกช้ำและดั้งจมูกหักแต่สามารถไปไหนมาไหน และไปทำงานได้ตามปกติ แม้แพทย์มีความเห็นว่าใช้เวลารักษาบาดแผลประมาณ ๓๐ วัน ก็เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับการรักษาบาดแผลให้หายเป็นปกติเท่านั้นยังไม่ถึงขนาดเป็นอันตรายสาหัส.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗ จำคุก ๙ เดือน คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๓,๐๐๐ บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก ๔ เดือน ปรับ ๒,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙, ๓๐
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ร่วมถูกชกทำร้ายที่บริเวณใบหน้าเป็นรอยฟกซ้ำและดั้งจมูกหัก แต่โจทก์ร่วมได้ไปแจ้งความในวันรุ่งขึ้น และได้ไปปฏิบัติหน้าที่ติดต่อกันตามปกติ แสดงว่าโจทก์ร่วมสามารถไปไหนมาไหนและไปทำงานหรือทำธุระกิจอย่างอื่นได้แม้แพทย์ที่ตรวจบาดแผลจะลงความเห็นว่า ใช้เวลารักษา ๓๐ วันก็เป็นความเห็นเกี่ยวกับการรักษาบาดแผลให้หายเป็นปกติเท่านั้นบาดแผลของโจทก์ร่วมยังไม่ถึงขนาดเป็นการป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา หรือทำให้โจทก์ร่วมไม่สามารถประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันอันเป็นอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗(๘) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ เท่านั้น ฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share