คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2085/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยได้ไปพูดกับเพื่อนนักศึกษาของโจทก์ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศว่า “โจทก์มีเมียมาก มักมากในกาม โหดร้ายอำมหิต อย่าแนะนำหญิงอื่นให้รู้จักกับโจทก์ แม้แต่เมียของตนเองก็ตาม โจทก์จะหลอกเอาทำเมียอีกคน” เป็นคำพูดที่ต้องการให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง อันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516(3) เป็นเหตุให้โจทก์นำมาฟ้องหย่าได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยจดทะเบียนสมรสกัน ขณะที่โจทก์ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศจำเลยได้โทรศัพท์ใส่ร้ายโจทก์ต่อเพื่อนนักศึกษาว่า โจทก์เป็นคนมักมากในกาม เป็นคนใจดำอำมหิต ถ้ามีเมียก็อย่าแนะนำให้รู้จักเพราะไว้ใจไม่ได้ ถ้าเผลอเมื่อไหร่อาจถูกหลอกเอาทำเมียอีกคน ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกันให้จำเลยแบ่งสินสมรสให้โจทก์กึ่งหนึ่ง หากไม่ยอมแบ่งก็ให้ใช้เงินจำนวน 142,000 บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยาต่อโจทก์ และไม่เคยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน ให้จำเลยแบ่งสินสมรสแก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากไม่แบ่งให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์จำนวน 137,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำพูดของจำเลยว่า “โจทก์มักมากในกามโหดร้ายอำมหิต อย่าแนะนำหญิงอื่นให้รู้จักกับโจทก์ แม้แต่เมียของตนก็ตาม โจทก์จะหลอกเอาทำเมียอีกคน” จำเลยพูดที่โรงเรียนเสนาธิการทหารอากาศขณะโจทก์ไปเรียนอยู่ โดยพูดกับเพื่อนนักศึกษาของโจทก์ เป็นคำพูดที่ต้องการให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง อันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(3) เป็นเหตุให้โจทก์นำมาฟ้องหย่าได้ ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำพูดดังกล่าวเป็นคำพูดธรรมดาที่ภริยาที่มีความรักสามี เป็นการกระทำด้วยอารมณ์หึงหวงโจทก์อยู่ในฐานะจะป้องกันเหตุเหล่านี้มิให้เกิดขึ้นได้โดยละเว้นความประพฤติดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยเพราะขณะจำเลยพูดนั้นโจทก์มิได้กำลังทำการใด ๆ ที่จำเลยจะต้องแสดงออกด้วยคำพูดดังกล่าว การกระทำของจำเลยมุ่งประจานโจทก์ต่อบุคคลที่ไม่รู้จักกันเลย เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ที่ถือได้ว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุตามกฎหมายให้โจทก์จำเลยได้หย่าขาดจากกัน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share