คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การแสดงปฏิเสธไม่ขอถือเป็นสิทธิของตนแต่ผู้เดียวในอันที่จะใช้อักษรโรมัน SM ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 17 ย่อมทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้อักษรโรมัน SM แต่อักษรโรมัน SM ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายการค้า VITANA – SM ไวตานา – เอสเอ็ม ตามที่โจทก์จดทะเบียนไว้
การพิจารณาว่าโจทก์ใช้เครื่องหมายการค้านั้น ๆ หรือไม่ยังต้องพิจารณาทั้งเครื่องหมาย ไม่ใช่เพียงส่วนหนึ่งส่วนใด ดังนั้น แม้โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้า VITARAL S.M. ไวตารอล เอส.เอ็ม. ที่ได้รับการจดทะเบียนไว้แล้ว หรือ VITANA – EZ ที่อยู่ระหว่างการขอจดทะเบียน แต่เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องหมายการค้า VITANA – SM ไวตานา – เอสเอ็ม ก็ถือไม่ได้ว่า การใช้เครื่องหมายการค้า VITARAL S.M. ไวตารอล เอส.เอ็ม. หรือ VITANA – EZ เป็นการใช้เครื่องหมายการค้า VITANA – SM ไวตานา – เอสเอ็ม ไปด้วยเพราะต่างเครื่องหมายกัน การใช้หรือไม่ใช้เครื่องหมายการค้าใดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 63 จึงเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการใช้หรือไม่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นกับรายการสินค้าที่ขอจดทะเบียนไว้ ไม่อาจอ้างการใช้เครื่องหมายการค้าอื่นกับสินค้าที่จดทะเบียนไว้มาเป็นการใช้เครื่องหมายการค้านั้นได้
การที่ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 50 บัญญัติว่า “เครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนไว้เป็นเครื่องหมายชุดนั้นจะโอนหรือรับมรดกกันได้ ต่อเมื่อเป็นการโอนหรือรับมรดกกันทั้งชุด” นั้น เป็นเรื่องการโอนหรือสืบสิทธิในเครื่องหมายการค้าซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่โอนหรือตกทอดกันทางมรดกได้ ไม่ได้มีผลทำให้เครื่องหมายการค้าทั้งหมดของโจทก์เป็นเครื่องหมายการค้าเดียวกัน และไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่อาจถูกเพิกถอนตามกฎหมายเนื่องจากการไม่ใช้เครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนสำหรับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ เพราะความมุ่งหมายของกฎหมายนั้นเป็นไปเพื่อให้สิทธิและความคุ้มครองแก่เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนที่มีการใช้เครื่องหมายนั้นกับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและสังคม ไม่ใช่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้เพียงเพื่อกีดกันผู้อื่น การจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุดจึงไม่มีผลทำให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่จำต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายสำหรับเครื่องหมายการค้าแต่ละเครื่องหมาย
แม้ตามคำร้องสอดของผู้ร้องสอดจะใช้ข้อความสรุปว่าขอร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามมาตรา 57 (1) เช่นกันก็ตาม แต่ตามเนื้อหาของคำร้องสอดอ้างเหตุผลว่า คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่สั่งให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้า VITANA – SM ไวตานา – เอสเอ็ม ของโจทก์ตามคำร้องขอของผู้ร้องสอดชอบแล้ว อันเป็นกรณีร้องขอเข้ามาในคดีเพราะตนมีส่วนได้เสียตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (2) มิใช่กรณีตามมาตรา 57 (1) แต่อย่างใด และเป็นเรื่องต้องถือตามเนื้อหาแห่งคำร้องสอดดังกล่าวมาเป็นสำคัญ ซึ่งย่อมมิใช่กรณีที่ร้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 67 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ 80/2550 ของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า
จำเลยทั้งสิบให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาวีเฟอร์ (อินเตอร์เนชั่นแนล) อิงค์ ยื่นคำร้องสอดขอเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) เพื่อยังให้ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิของผู้ร้องสอดที่มีอยู่ ขอให้ยกฟ้อง ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่ง อนุญาตให้วีเฟอร์ (อินเตอร์เนชั่นแนล) อิงค์ เข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1)
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การที่โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้า ซึ่งจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุดกับเครื่องหมายการค้า แต่ไม่ได้ใช้เครื่องหมายการค้า และใช้เครื่องหมายการค้า VITANA – EZ ที่อยู่ระหว่างการขอจดทะเบียน ถือได้หรือไม่ว่าโจทก์ใช้เครื่องหมายการค้า ด้วย โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่ขอถือเป็นสิทธิของตนแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรโรมัน SM ดังนั้นความสำคัญของเครื่องหมายการค้า จึงอยู่ที่คำว่า VITANA หาใช่คำว่า VITANA – SM เช่นเดียวกับเครื่องหมายการค้า VITANA – EZ ความสำคัญของเครื่องหมายการค้าอยู่ที่คำว่า VITANA ซึ่งโจทก์ให้บริษัทเคนยากุ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ผลิตยาภายใต้เครื่องหมายการค้า VITANA – EZ โดยโจทก์เป็นผู้จัดจำหน่าย นอกจากนี้โจทก์ได้ใช้เครื่องหมายการค้า โดยตลอดตั้งแต่ได้รับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าจนถึงปัจจุบัน เมื่อเครื่องหมายการค้า เป็นเครื่องหมายชุดกับเครื่องหมายการค้า การที่โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้า และ VITINA – EZ จึงถือว่าโจทก์ใช้เครื่องหมายการค้า ด้วยนั้น เห็นว่า การแสดงปฏิเสธไม่ขอถือเป็นสิทธิของตนแต่ผู้เดียวในอันที่จะใช้อักษรโรมัน SM ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 17 (1) ย่อมทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้อักษรโรมัน SM แต่อักษรโรมัน SM ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายการค้า ตามที่โจทก์จดทะเบียนไว้ การพิจารณาว่าโจทก์ใช้เครื่องหมายการค้านั้น ๆ หรือไม่ยังต้องพิจารณาทั้งเครื่องหมาย ไม่ใช่เพียงส่วนหนึ่งส่วนใด ดังนั้น แม้โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้า ที่ได้รับการจดทะเบียนไว้แล้ว หรือ VITANA – EZ ที่อยู่ระหว่างการขอจดทะเบียน แต่เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องหมายการค้า ก็ถือไม่ได้ว่า การใช้เครื่องหมายการค้า หรือ VITANA – EZ เป็นการใช้เครื่องหมายการค้า ไปด้วยเพราะต่างเครื่องหมายกัน การที่พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 50 บัญญัติว่า “เครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนไว้เป็นเครื่องหมายชุดนั้น จะโอนหรือรับมรดกกันได้ ต่อเมื่อเป็นการโอนหรือรับมรดกกันทั้งชุด” นั้น เป็นเรื่องการโอนหรือสืบสิทธิในเครื่องหมายการค้าซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่โอนหรือตกทอดกันทางมรดกได้ ไม่ได้มีผลทำให้เครื่องหมายการค้าทั้งหมดของโจทก์เป็นเครื่องหมายการค้าเดียวกัน และไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่อาจถูกเพิกถอนตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการไม่ใช้เครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนสำหรับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ เพราะความมุ่งหมายของกฎหมายนั้นเป็นไปเพื่อ ให้สิทธิและความคุ้มครองแก่เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนที่มีการใช้เครื่องหมายนั้นกับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและสังคม ไม่ใช่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้เพียงเพื่อกีดกันผู้อื่น การใช้หรือไม่ใช้เครื่องหมายการค้าใดจึงเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการใช้หรือไม่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นกับรายการสินค้าที่ขอจดทะเบียนไว้ ไม่อาจอ้างการใช้เครื่องหมายการค้าอื่นกับสินค้าที่จดทะเบียนไว้มาเป็นการใช้เครื่องหมายการค้านั้นได้ ซึ่งในชั้นพิจารณาคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าก็ต้องพิจารณาเครื่อง หมายการค้าที่ยื่นขอจดทะเบียนแต่ละเครื่องหมายไปเช่นกัน การจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุดจึงไม่มีผลทำให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่จำต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายสำหรับเครื่องหมายการค้าแต่ละเครื่องหมาย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ใช้เครื่องหมายการค้า กับสินค้าที่จดทะเบียนไว้และเห็นชอบด้วยกับการที่คณะกรรมการเครื่องหมายการค้ามีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้า ของโจทก์มานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า หากเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ของโจทก์ ผู้ร้องสอดอาจไปขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าอื่นของโจทก์ที่มีคำว่า VITANA เป็นสาระสำคัญ นั้น เห็นว่า ข้ออ้างดังกล่าวเป็นกรณียังไม่เกิดขึ้นดังที่โจทก์อ้างและเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาต่อไปในภายหน้าซึ่งการที่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจะรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใดหรือไม่นั้นต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีที่จะต้องวินิจฉัย ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ผู้ร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) จึงถือเสมือนผู้ร้องสอดได้ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ เมื่อผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามาในคดีนี้เกิน 5 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า จึงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 67 วรรคหนึ่ง นั้น แม้ตามคำร้องสอดของผู้ร้องสอดจะใช้ข้อความสรุปว่าขอร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามมาตรา 57 (1) เช่นกันก็ตาม แต่ตามเนื้อหาแห่งคำร้องสอดอ้างเหตุผลว่า คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่สั่งให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้า ของโจทก์ตามคำร้องขอของผู้ร้องสอดชอบแล้ว อันเป็นกรณีร้องขอเข้ามาในคดีเพราะตนมีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (2) มิใช่กรณีตามมาตรา 57 (1) แต่อย่างใดและเป็นเรื่องต้องถือตามเนื้อหาแห่งคำร้องสอดดังกล่าวเป็นสำคัญ ซึ่งย่อมไม่ใช่กรณีที่ร้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังที่โจทก์อุทธรณ์ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามาเกิน 5 ปี หรือไม่
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์นี้ให้เป็นพับ

Share