คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2079/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลภาษีอากรกลางที่ให้โจทก์ทำคำฟ้องใหม่ซึ่งไม่ปรากฏว่าศาลตรวจพบคำฟ้องของโจทก์ว่ามีข้อบกพร่องตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรฯ มาตรา 17 บัญญัติไว้ศาลจึงต้องจดแจ้งแสดงการรับคำคู่ความนั้นไว้ ดังนั้น การที่ศาลภาษีอากรกลางให้โจทก์ทำคำฟ้องใหม่โดยไม่ปรากฏเหตุดังกล่าวและมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ ต่อมาจึงไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า จำเลยประเมินภาษีไม่ถูกต้องและขอให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 300,000 บาท แก่โจทก์ ให้จำเลยถอนการยึดอายัดทรัพย์สินบัญชีธนาคารคืนให้โจทก์ โดยยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลภาษีอากรกลางไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องและให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาวางศาล ต่อมาวันที่ 19 กรกฎาคม 2542 โจทก์ยื่นคำแถลงขอนำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระให้ศาลตามคำขอท้ายฟ้องข้อ 1 ส่วนคำขอท้ายฟ้องข้อ 2 ที่ให้จำเลยชำระเงิน 300,000 บาท แก่โจทก์โจทก์จะนำไปฟ้องยังศาลแพ่งต่อไปเพราะโจทก์ไม่สามารถหาค่าธรรมเนียมศาลมาชำระให้ครบได้ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งในวันที่ 20 กรกฎาคม 2542 ว่า ให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มอีก 442.50 บาท พร้อมกับให้ทำคำฟ้องเข้ามาใหม่ตามข้อหาที่ต้องการฟ้องให้ครบถ้วนเรียบร้อยภายในเวลา 20 วัน ก่อนแล้ว ศาลจึงมีคำสั่งเกี่ยวกับคำฟ้องต่อไป วันที่ 6 สิงหาคม 2542 โจทก์ยื่นคำแถลงชำระค่าขึ้นศาลเพิ่ม ส่วนคำฟ้องนั้นยังไม่อาจทำตามคำสั่งได้เพราะได้รับหมายแจ้งคำสั่งในวันยื่นคำแถลง โจทก์ขอขยายระยะเวลาทำคำฟ้องต่อศาลภายใน 20 วัน ตามคำสั่ง ศาลภาษีอากรกลางอนุญาต วันที่ 26 สิงหาคม 2542 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาออกไปอีก 15 วัน เนื่องจากโจทก์ไม่มีความชำนาญและกำลังติดต่อทนายความอยู่ ศาลภาษีอากรกลางอนุญาตให้โจทก์ทำคำฟ้องเข้ามาใหม่ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2542 ต่อมาวันที่ 30 สิงหาคม 2542 โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้อง ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ทำคำฟ้องเข้ามาใหม่ตามข้อหาที่ต้องการฟ้อง เพราะโจทก์ยื่นคำแถลงเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2542 ขอชำระค่าขึ้นศาลตามคำขอท้ายฟ้องข้อ 1 ส่วนคำขอท้ายฟ้องข้อ 2 โจทก์จะนำไปฟ้องยังศาลแพ่ง ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับวันที่ 1 กันยายน 2542 เจ้าพนักงานศาลได้รายงานว่าโจทก์มิได้ทำคำฟ้องเข้ามาใหม่ภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด

ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งว่า โจทก์ไม่ได้ทำคำฟ้องเข้ามาใหม่ตามคำสั่งศาลภายในเวลาที่กำหนด จึงไม่รับคำฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์มิได้ทำคำฟ้องใหม่ตามคำสั่งศาล แต่โจทก์ได้ทำคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องย่อมมีผลทำให้ฟ้องสมบูรณ์ตามกฎหมายและถือว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วนั้น คดีนี้โจทก์ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องและมีคำสั่งต่อไปว่าหากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน15 วัน โจทก์ยื่นคำแถลงขอนำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระให้ศาลตามคำขอท้ายฟ้องข้อ 1 ส่วนคำขอท้ายฟ้องข้อ 2 โจทก์จะนำไปฟ้องยังศาลแพ่งต่อไป เพราะโจทก์ไม่สามารถหาค่าธรรมเนียมศาลมาชำระให้ครบได้ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งให้โจทก์ทำคำฟ้องเข้ามาใหม่ตามข้อหาที่ต้องการฟ้องให้ครบถ้วนเรียบร้อยภายใน 20 วัน แล้วศาลจึงจะมีคำสั่งเกี่ยวกับคำฟ้องต่อไป แต่โจทก์กลับยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้อง ศาลภาษีอากรกลางยกคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องและมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์เนื่องจากโจทก์ไม่ได้ทำคำฟ้องเข้ามาใหม่ตามคำสั่งศาลภายในเวลาที่กำหนด เห็นว่า ตามคำสั่งของศาลภาษีอากรกลางที่ให้โจทก์ทำคำฟ้องใหม่ไม่ปรากฎว่าศาลได้ตรวจพบคำฟ้องของโจทก์ว่ามีข้อบกพร่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17 ในเรื่องคำฟ้องอ่านไม่ออก อ่านไม่เข้าใจ ไม่มีรายการ ไม่มีลายมือชื่อ ไม่แนบเอกสารต่าง ๆตามที่กฎหมายต้องการ มิได้ชำระหรือวางค่าธรรมเนียมศาลให้ถูกต้องหรือมิได้เป็นไปตามเงื่อนไขแห่งกฎหมายที่บังคับไว้นอกจากที่กล่าวมาแล้วหรือสิทธิของโจทก์ถูกจำกัดห้ามโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายเรื่องเขตอำนาจศาล ซึ่งเมื่อไม่มีข้อขัดข้องดังกล่าวแล้วศาลต้องจดแจ้งแสดงการรับคำคู่ความนั้นไว้ ดังนั้น การที่ศาลภาษีอากรกลางให้โจทก์ทำคำฟ้องใหม่โดยไม่ปรากฏเหตุดังที่กล่าวข้างต้นและมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ต่อมา จึงไม่ชอบ เมื่อศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา และมีคำสั่งต่อไปว่า หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 15 วัน เช่นนี้จะเห็นได้ว่าศาลภาษีอากรกลางเพียงแต่ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์เท่านั้น หาได้มีคำสั่งยกคำฟ้องหรือไม่รับคำฟ้องของโจทก์ที่ยื่นพร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาไม่ ฉะนั้น คำฟ้องเดิมของโจทก์ยังคงมีอยู่เช่นเดิม ซึ่งต่อมาโจทก์ได้ชำระค่าขึ้นศาลตามคำขอท้ายฟ้อง ข้อ 1 ส่วนคำขอท้ายฟ้องข้อ 2 โจทก์จะขอนำไปฟ้องยังศาลแพ่ง คำขอท้ายฟ้องของโจทก์จึงเหลือเพียงข้อหาเดียวที่ขอบังคับให้เพิกถอนการประเมินอันเป็นการขอแก้ไขโดยสละข้อหาในฟ้องเดิมเสียบางข้อและลดจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในฟ้องเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17 จึงชอบที่จะดำเนินการดังกล่าวได้โดยโจทก์จะต้องทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วันแล้วแต่กรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 แต่คำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2542 ไม่ปรากฏว่ามีข้อความในลักษณะเป็นการขอแก้ไขโดยสละข้อหาในฟ้องเดิมเสียบางข้อ หรือลดจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในฟ้องเดิมที่ศาลจะพิจารณาสั่งให้แก้ไขคำฟ้องได้ ชอบที่จะให้โจทก์ยื่นคำร้องใหม่ให้ถูกต้อง”

พิพากษายกคำสั่งของศาลภาษีอากรกลางเฉพาะที่เกี่ยวกับคำฟ้อง และให้โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องใหม่แล้วให้ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาสั่งและดำเนินการต่อไป

Share