แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ลูกหนี้ผิดสัญญาตามคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายที่ศาลเห็นชอบด้วยแล้ว เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานศาล และศาลมีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้ แต่ให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาไปเพื่อให้โอกาสแก่ลูกหนี้ แม้ในระหว่างเวลาดังกล่าวเจ้าหนี้บางรายจะได้ถอนคำขอรับชำระหนี้เหลือเจ้าหนี้เพียง 5 ราย ลูกหนี้ก็ยังคงต้องรับผิดชำระหนี้ส่วนที่เหลือแก่เจ้าหนี้ตามหนี้เดิมอีก 5 รายที่ยังไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนหนี้ โดยลูกหนี้จะขอถือปฏิบัติตามสัญญาประนอมหนี้ซึ่งศาลมีคำสั่งยกเลิกต่อไปอีกไม่ได้ เมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ศาลต้องพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานศาลชั้นต้นว่า ลูกหนี้ (จำเลย) ได้ผิดสัญญาตามคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแล้ว โดยไม่ชำระเงินตามคำขอประนอมหนี้และลูกหนี้แถลงว่าไม่สามารถชำระเงินตามคำขอประนอมหนี้ได้ต่อไปจึงขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้และมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช2483
ลูกหนี้ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า ลูกหนี้ได้พยายามปฏิบัติตามคำขอประนอมหนี้แล้ว โดยได้โอนสิทธิเรียกร้องที่มีต่อบุคคลอื่นและจำเลยในคดีล้มละลายอื่นคิดเป็นเงินประมาณ 6 ล้านบาทเศษ แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังใช้สิทธิเรียกร้องและรับเงินมาไม่แล้วเสร็จเป็นเหตุให้ไม่อาจชำระหนี้ตามคำขอประนอมหนี้ได้ตามกำหนดเวลาและลูกหนี้ได้ปรึกษาบรรดาเจ้าหนี้แล้ว ตกลงยินยอมขยายเวลาการชำระหนี้ออกไป โดยกำหนดว่าหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจเรียกร้องขอรับชำระหนี้จากผู้อื่นมาได้ ก็ให้ลูกหนี้ผ่อนชำระจากเงินเดือนของลูกหนี้เดือนละ 2,000 บาท ตลอดไปจนกว่าจะครบหนี้ตามที่ขอประนอมหนี้ไว้ แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ยินยอม กลับรายงานศาลขอให้สั่งยกเลิกการประนอมหนี้และขอให้พิพากษาให้ล้มละลายซึ่งไม่ชอบด้วยความประสงค์ของเจ้าหนี้ และไม่เป็นผลดีแก่เจ้าหนี้เพราะลูกหนี้จะต้องออกจากราชการ เจ้าหนี้ไม่อาจรับประโยชน์จากการผ่อนชำระหนี้ จึงขอให้ยกรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และอนุญาตให้ลูกหนี้ผ่อนชำระหนี้ต่อไปเดือนละ 2,000 บาท จนกว่าจะครบหนี้ตามที่ขอประนอมหนี้ไว้
ศาลชั้นต้นได้เลื่อนนัดฟังคำสั่งขอให้ยกเลิกการประนอมหนี้และนัดฟังคำพิพากษาเพื่อให้โอกาสแก่ลูกหนี้รวม 2 ครั้ง เป็นเวลา3 เดือน จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกการประนอมหนี้ แต่ให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาไปเพื่อให้โอกาสแก่ลูกหนี้อีก 2 ครั้ง ซึ่งระหว่างเวลาดังกล่าวมีเจ้าหนี้ถอนคำขอรับชำระหนี้ไปรวม 22 รายคงเหลือเจ้าหนี้อีก 5 ราย จึงได้มีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย
ลูกหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ลูกหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้ความว่าลูกหนี้ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลายร้อยละ 20 ของจำนวนหนี้ที่ไม่มีประกันทั้งหมด กำหนดชำระครบภายในกำหนด 2 ปี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของลูกหนี้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2528 ครบกำหนดที่ลูกหนี้จะปฏิบัติตามเงื่อนไขการชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของศาลชั้นต้นวันที่ 3 กรกฎาคม 2530 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้นำมาแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ 25 ราย ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับชำระหนี้และกันส่วนไว้จ่ายแก่เจ้าหนี้อีก2 รายที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอรับชำระหนี้คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ซึ่งในการรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้นำมาแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ดังกล่าวในครั้งที่ 1 คิดถึงวันที่ 7 เมษายน 2531 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหลักฐานท้ายคำแก้ฎีกามาอ้างอิงว่าได้รวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้ได้เพียงจำนวน 319,781.27 บาท ไม่พอชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่ลูกหนี้ต้องรับผิดตามสัญญาประนอมหนี้จำนวน 792,840.97 บาทลูกหนี้ยังคงต้องรับผิดชำระต่อเจ้าหนี้ตามสัญญาประนอมหนี้อีกจำนวน473,059.70 บาท และเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่ลูกหนี้ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาประนอมหนี้แล้วก็ปรากฏตามหลักฐานรายงานเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ฉบับลงวันที่ 8 สิงหาคม 2531 ท้ายคำแก้ฎีกาว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้หมายนัดให้ลูกหนี้นำเงินส่วนที่เหลือมาชำระตามสัญญาประนอมหนี้ แต่ลูกหนี้แถลงว่าไม่สามารถชำระเงินส่วนที่เหลือดังกล่าวได้ ดังนี้ ลูกหนี้จึงตกเป็นผู้ผิดนัดตามคำขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายของลูกหนี้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2531โดยเหตุที่ลูกหนี้เป็นผู้ผิดเงื่อนไขไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนอมหนี้ลูกหนี้จะถือปฏิบัติเอาตามสัญญาประนอมหนี้ซึ่งศาลมีคำสั่งยกเลิกต่อไปอีกไม่ได้ ต้องรับผิดชำระหนี้ส่วนที่เหลือแก่เจ้าหนี้ตามหนี้เดิมอีก 5 รายที่ยังไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนหนี้ ส่วนข้อผูกมัดเจ้าหนี้ตามมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 จะผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดได้ต่อเมื่อลูกหนี้มิได้เป็นผู้ผิดนัดตามข้อตกลงในสัญญาประนอมหนี้ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ยอมรับ และศาลมีคำสั่งเห็นชอบเท่านั้นแม้ไม่มีเจ้าหนี้รายใดยื่นคำขอรับชำระหนี้เพิ่มเติมเข้ามาภายหลังจากศาลได้มีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายก็ตาม แต่ลูกหนี้ยังต้องรับผิดชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เดิมทั้งห้ารายดังกล่าว ซึ่งลูกหนี้ก็ไม่สามารถชำระหนี้ให้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย จึงชอบแล้ว…”
พิพากษายืน.