คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้นำหนังสือ (เครดิต) ของจำเลยที่ 1 ซึ่งมีถึงธนาคารให้จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตแก่โจทก์ไปแสดงต่อธนาคารจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้ประทับตราในหนังสือนั้นมีข้อความว่า “ธนาคารได้ทราบแล้ว จะจ่ายเงินให้ในเมื่อได้ส่งเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต ดังกล่าวข้างบนแล้ว” เมื่อโจทก์ส่งสินค้าให้แก่จำเลขที่ 1 แล้วได้ให้ผู้แทนเอาหนังสือ (เครดิต) ที่ธนาคารได้ประทับตราไว้นั้นไปแลกเงิน แต่ไม่ได้นำเลตเตอร์ออฟเครดิตและเอกสารต่าง ๆ ไปแลกเปลี่ยนธนาคารจึงไม่จ่ายเงิน เช่นนี้ ธนาคารจำเลยที่ 2 ไม่เป็นฝ่ายผิดคำรับรอง โจทก์จะฟ้องบังคับให้ธนาคารจำเลยที่ 2 ชำระเงินหาได้ไม่
ในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างถึงเงื่อนไขในคำรับรอง แต่โจทก์ได้อ้างข้อความคำรับรองตามเอกสารท้ายฟ้อง เอกสารนี้ระบุว่าโจทก์จะต้องนำเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต ดังนี้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าโจทก์ได้ส่งเอกสารตามนัยแห่งเงื่อนไขครบถ้วนแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ซื้อถั่วเขียวราคา ๒๗๔,๐๐๐ บาท เพื่อส่งให้แก่ลูกค้าของจำเลยที่ ๑ ที่โคลัมโบ และลูกค้านี้ได้เปิดเครดิตธนาคาร ให้แก่จำเลยที่ ๑ และมีเงื่อนไขว่าจะจ่ายเงินให้เมื่อได้ส่งถั่วเขียวลงเรือแล้ว และธนาคารก็ได้ส่งเครดิตมาให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ได้นำเครดิตนี้เข้าฝากไว้กับธนาคารจำเลยที่ ๒ ธนาคารจำเลยที่ ๒ ได้ให้สัญญารับรองจะจ่ายเงินค่าซื้อถั่วเขียวให้โจทก์ โจทก์ได้ส่งมอบถั่วเขียวให้แก่จำเลยที่ ๑ แล้ว จำเลยที่ ๒ ได้ชำระให้แก่โจทก์เพียง ๓๓,๒๕๘ บาท ส่วนอีก ๒๔๐,๗๙๒ บาท ไม่ชำระจึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าไม่ได้รับฝากเลตเตอร์ออฟเครดิตตามฟ้องจากจำเลยที่ ๑ และไม่ได้รับรองว่าจะจ่ายเงินค่าซื้อถั่วเขียวให้โจทก์ จำเลยที่ ๑ ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิตเพียงฉบับเดียว จึงจ่ายเงินให้ไป ๓๓,๒๕๘ บาท ส่วนอีก ๒ ฉบับ จำเลยที่ ๑ ไม่ได้นำมาและมิได้มีการแลกเปลี่ยนเอกสารตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต เพื่อโอนขายให้จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงไม่มีหน้าที่จ่ายเงินให้แก่จำเลยที่ ๑ หรือตามคำสั่งของจำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดในเงินค่าซื้อถั่วเขียวที่ค้างอยู่ ๒๔๐,๗๔๒ บาท ส่วนจำเลยที่ ๒ โจทก์นำสืบไม่ได้ว่า จำเลยที่ ๑ ได้นำเลตเตอร์ออฟเครดิตพร้อมด้วยเอกสารไปแลกเปลี่ยนกับจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องธนาคารจำเลยที่ ๒ ให้ชำระหนี้แก่โจทก์ โดยอาศัยคำรับรองของธนาคาร จำเลยที่ ๒ ซึ่งได้ประทับข้อความในหนังสือ (เครดิต) ของจำเลยที่ ๑ ที่ให้ธนาคาร จำเลยที่ ๒ จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตว่า “ธนาคารได้ทราบแล้วจะจ่ายเงินให้ในเมื่อได้ส่งเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต ดังกล่าวข้างบนแล้ว” เมื่อคำรับรองที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องนี้ได้ระบุไว้ว่า โจทก์จะต้องส่งเอกสารมาแลกเปลี่ยนเงินตามนัยแห่งเงื่อนไขของเลตเตอร์ออฟเครดิต โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าโจทก์ได้ส่งเอกสารตามนัยแห่งเงื่อนไขนั้นครบถ้วนแล้ว จำเลยที่ ๒ ยังไม่ยอมจ่ายเงินให้ จำเลยที่ ๒ จึงจะเป็นฝ่ายผิดคำรับรองนั้น การที่โจทก์ให้ผู้แทนนำแต่หนังสือซึ่งมีคำรับรองของจำเลยที่ ๒ แต่ฉบับเดียวไปขอรับชำระเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิต จำเลยที่ ๒ ไม่ยอมจ่ายให้เพราะไม่มีเลตเตอร์ออฟเครดิตและเอกสารอื่นตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิตไปแลกเปลี่ยน จำเลยที่ ๒ จึงไม่เป็นฝ่ายผิดคำรับรอง โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยที่ ๒ รับผิดชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์หาได้ไม่
พิพากษายืน

Share