คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20654/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์ระบุข้อหาหรือฐานความผิดว่าเป็นการเรียกค่านายหน้า และบรรยายฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาแต่งตั้งโจทก์เป็นตัวแทนขายห้องชุดของจำเลย ซึ่งสัญญาระบุว่า ถ้าโจทก์หาคนมาซื้อห้องชุดภายใน 5 เดือน นับแต่วันทำสัญญา จำเลยตกลงจะให้ค่านายหน้าร้อยละ 3 ของราคาที่ซื้อขาย ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์จึงเป็นการฟ้องเรียกค่าบำเหน็จนายหน้า โดยอาศัยเหตุตามข้อ 2 ของสัญญา ซึ่งเป็นกรณีที่จำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จแก่โจทก์ก็ต่อเมื่อสัญญาที่จำเลยขายห้องชุดแก่ ม. นั้น ได้ทำกันสำเร็จเนื่องแต่ผลแห่งการที่โจทก์ได้ชี้ช่องหรือจัดการตาม ป.พ.พ. มาตรา 845 วรรคหนึ่ง แต่เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า จำเลยขายห้องชุดให้แก่ ม. โดยมิได้เกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ กรณีจึงไม่ต้องด้วยข้อ 2 ของสัญญาที่จำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ ที่ศาลชั้นต้นหยิบยกเอาข้อ 5 ของสัญญาซึ่งเป็นกรณีที่จำเลยขายห้องชุดได้โดยมิได้เกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ขึ้นวินิจฉัย และพิพากษาให้จำเลยรับผิดโดยตีความว่าเป็นการตกลงค่าเสียหายกันไว้ล่วงหน้า มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ ทั้ง ๆ ที่ข้อตกลงดังกล่าว มิใช่ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามที่โจทก์ได้บรรยายฟ้องมา จึงเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 105,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดเลขที่ 423/17 ชั้นที่ 9 อาคารซี อาคารชุดลุมพินีเพลส วอเตอร์คลิฟ 1 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 จำเลยตกลงแต่งตั้งโจทก์เป็นตัวแทนขายห้องชุดดังกล่าว ตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ ต่อมาจำเลยขายห้องชุดดังกล่าวให้แก่นายมาเฮส ได้ในราคา 3,500,000 บาท ตามหนังสือสัญญาขายห้องชุด โดยมิได้เกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับผิดในเบี้ยปรับต่อโจทก์ตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเห็นว่าเป็นการกำหนดค่าเสียหายกันไว้ล่วงหน้านั้น ไม่เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์หรือไม่ เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ระบุข้อหาหรือฐานความผิดว่าเป็นการเรียกค่านายหน้า และบรรยายฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาแต่งตั้งโจทก์เป็นตัวแทนขายห้องชุดของจำเลย ในสัญญาได้ระบุไว้ว่าถ้าโจทก์หาคนมาซื้อห้องชุดภายใน 5 เดือน นับแต่วันทำสัญญาแต่งตั้งตัวแทน จำเลยตกลงจะให้ค่านายหน้าร้อยละ 3 ของราคาที่ซื้อขายข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์จึงเป็นการฟ้องเรียกค่าบำเหน็จนายหน้าโดยอาศัยเหตุตามข้อ 2 ของสัญญาแต่งตั้งตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นกรณีที่จำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จแก่โจทก์ก็ต่อเมื่อสัญญาที่จำเลยขายห้องชุดแก่นายมาเฮสนั้นได้ทำกันสำเร็จเนื่องแต่ผลแห่งการที่โจทก์ได้ชี้ช่องหรือจัดการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 วรรคหนึ่ง แต่เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า สัญญาที่จำเลยขายห้องชุดให้แก่นายมาเฮสนั้น มิได้เกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ กรณีจึงไม่ต้องด้วยข้อ 2 ของสัญญาที่จำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าบำเหน็จนายหน้าแก่โจทก์ การที่ศาลชั้นต้นหยิบยกเอาข้อ 5 ของสัญญา ซึ่งเป็นกรณีที่จำเลยขายห้องชุดได้โดยมิได้เกิดจากการชี้ช่องของโจทก์ขึ้นวินิจฉัยและพิพากษาให้จำเลยรับผิด โดยตีความว่าเป็นการตกลงค่าเสียหายกันไว้ล่วงหน้า มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ ทั้งๆ ที่ข้อตกลงดังกล่าวมิใช่ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามที่โจทก์ได้บรรยายฟ้องมา จึงเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 จึงเป็นการไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ถือเป็นทุนทรัพย์ชั้นฎีกา ซึ่งโจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาตามตาราง 1 ข้อ 1 (ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเพียง 1,000 บาท แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 2,100 บาท เกินมา 1,100 บาท กรณีจึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่ชำระเกินมาแก่โจทก์
พิพากษายืน ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่ชำระเกินมาให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ

Share