แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การให้คำตักเตือนว่าหนังสือพิมพ์ได้โฆษณาอันอาจขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนนั้น เจ้าพนักงานการพิมพ์ไม่จำต้องระบุชื่อเรื่อง และเมื่อหนังสือพิมพ์ไม่สังวรณ์ ยังโฆษณาเรื่องที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอีกว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่องกับที่ได้มีการตักเตือนก็ตาม เจ้าพนักงานย่อมมีอำนาจสั่งให้หนังสือพิมพ์นั้เสนอเรื่องหรือข้อความไปให้ตรวจข่าวก่อนที่จะโฆษณาได้โดยชอบ
เมื่อมีกรณีพิพาทกันว่าเจ้าพนักงานการพิมพ์จะมีและใช้อำนาจโดยชอบสั่งให้ตรวจข่าวตามพ.ร.บ.การพิมพ์ว่าหนังสือพิมพ์ได้ลงเรื่องขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่นั้นคู่กรณีจะเสนอคดีต่อศาลให้วินิจฉัยชี้ขาดก็ได้
เติมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งให้ตรวจข่าวหนังสือพิมพ์โจทก์โดยไม่ชอบ ขอให้ศาลบังคับเพิกถอนคำสั่งของจำเลยเสียและให้ใช้ค่าเสียหาย ต่อมาโจทก์สละคำขอให้ใช้ค่าเสียหาย และแม้จะปรากฎว่ากำหนดเวลาตรวจข่าวตามคำสั่งนั้นได้ผ่านล่วงเลยไปแล้วก็ตาม ศาลจะยังคงวินิจฉัยและพิพากษาในประเด็นคำฟ้องที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ตรวจข่าวต่อไปก็ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้มีคำสั่งว่าหนังสือพิมพ์แนวหน้าของโจทก์ได้ลงเรื่องขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หนังสือพิมพ์ของโจทก์เคยถูกสั่งตรวจข่าวมาแล้วมิได้สังวรณ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๖(๒) แห่ง พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.๒๔๘๔ จึงให้ส่งข้อความที่จะโฆษณาไปให้แจ้งหน้าที่ตรวจ ซึ่งโจทก์เห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย ๑๐๐๐ บาท จึงขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของจำเลยเสียและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่าจำเลยได้สั่งไปโดยชอบตาม ม.๓๖(๒) แห่งพ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.๒๔๙๔ แล้ว การที่จำเลยในฐานะเจ้าพนักงานการพิมพ์เห็นว่าคำโฆษณาในหนังสือพิมพ์โจทก์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยนั้นเป็นอำนาจของจำเลยโดยฉะเพาะ ศาลจะรับฟ้องไว้ไม่ได้ จำเลยปฏิบัติไปตามหน้าที่ต่อกฎหมายไม่ต้องรับผิดค่าเสียหายต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีมีประเด็น ๓ ข้อ คือ
๑. มีการโฆษณาขัดต่อความสงบเรียบร้อยจริงหรือไม่
๒. จำเลยได้เตือนก่อนสั่งตรวจข่าวหรือไม่
๓. โจทก์เสียหายเพียงไรหรือไม่
ประเด็นข้อ ๓ โจทก์แถลงว่ายอมสละ ไม่เรียกร้อง จึงระงับไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนคำสั่งให้ตรวจข่าวเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าประเด็นหารือบทมีข้อเดียวที่เกี่ยวกับประเด็นข้อ ๒ และเห็นว่าจำเลยมีอำนาจสั่งได้โดยถูกต้องตามเงื่อนไขในกฎหมายแล้ว จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ว่าประเด็นคงมีอยู่ข้อเดียวว่า ตามกฎหมายจำเลยจะสั่งตรวจข่าวเรื่องใดต้องตักเตือนโจทก์ก่อนทุกครั้งในเรื่องนั้นหรือไม่ และจำเลยจะมีอำนาจสั่งตรวจข่าวได้ก็ต่อเมื่อโจทก์ขัดขืนลงเรื่องเดียวกันซ้ำอีกเท่านั้นหรือมิใช่ ศาลฎีกาเห็นว่า การตักเตือน+ต้องระบุเรื่องเพราะกฎหมายไม่ได้บัญญัติดังนั้น เมื่อตักเตือนแล้วยังขืนโฆษณาข้อความใดอันเป็นจุดประสงค์หรือแนวความคิดเห็นซึ่งขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอีกก็ได้ชื่อว่าไม่สังวรณ์ เรื่องที่โฆษณาจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่องกับเหตุที่ให้มีการตักเตือนก็ตาม เจ้าพนักงานอาจสั่งให้ตรวจข่าวได้ ศาลฎีกาพิพากษายืน