คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2058/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยต่อสู้ว่า การที่ยอมลงชื่อในสัญญาซื้อขายที่ดินเพราะหลงเชื่อคำของโจทก์ที่อ้างว่าเพื่อสะดวกแก่การแบ่งแยกซึ่งเท่ากับเป็นการอ้างว่าหนี้ตามสัญญาไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างเอกสารนั้นได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยไม่ได้ขายที่ดินส่วนของตนให้โจทก์พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คงมีปัญหาว่า จำเลยได้ตกลงขายที่ดินส่วนของตนตามฟ้องให้โจทก์ด้วยหรือไม่ ในปัญหาข้อนี้จำเลยนำสืบก่อนว่าจำเลยไม่เคยตกลงขายที่ดินส่วนของจำเลยให้โจทก์ การที่จำเลยมีชื่อเป็นผู้ขายตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 ด้วยนั้น เพราะหลงเชื่อคำกล่าวอ้างของโจทก์ที่อ้างว่า เพื่อความสะดวกแก่การแบ่งแยกโฉนดจำเลยไม่เคยรับเงินส่วนแบ่งค่าที่ดินตามสัญญา แต่ฝ่ายโจทก์นำสืบว่า จำเลยได้รับเงินค่าที่ดินไปตามสัญญาแล้ว ครั้นได้เวลาจะไปทำการโอน จำเลยกลับไม่ยอม จะขอซื้อคืน” ฯลฯ

“พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน้อย สู้ฝ่ายจำเลยไม่ได้ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ขายที่ดินส่วนของตนให้โจทก์

ที่โจทก์ฎีกาว่า การนำสืบของจำเลยเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารนั้น เห็นว่า จำเลยต่อสู้ว่า การที่ยอมลงชื่อในสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 เพราะหลงเชื่อคำของโจทก์ที่อ้างว่าเพื่อสะดวกแก่การแบ่งแยก ซึ่งเท่ากับเป็นการอ้างว่าหนี้ตามสัญญานั้นไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างเอกสารนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย”

พิพากษายืน

Share