แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การร่วมทุนกันซื้อที่ดิน แม้ในสัญญาซื้อขายจะลงชื่อคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ซื้อแต่คนเดียว ผู้ที่ร่วมทุนซื้อด้วยมีสิทธิฟ้องและขอสืบเหตุแห่งความจริงว่าได้ร่วมทุนซื้อด้วยได้
ผู้เยาว์ที่ร่วมทุนซื้อที่ดินกับบุคคลอื่นที่มีชื่อในหนังสือสัญญาซื้อขายซึ่งเมื่อซื้อมาแล้วได้แบ่งที่ดินให้ผู้เยาว์ครอบครองมาจนล่วงเลยอายุความการให้สัตยาบัน โดยมิได้บอกล้างเช่นนี้ ถือว่า เป็นการแสดงกิริยารับรองต่อผู้เยาว์ ผู้เยาว์จึงได้สิทธิ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ได้ออกเงินรวมกับจำเลยซื้อที่นาให้จำเลยลงชื่อแทน แล้วจำเลยได้แบ่งให้โจทก์ครอบครองทำมาประมาณ 6 ไร่ ขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ และห้ามจำเลยอย่าให้เกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่าจำเลยซื้อแต่ผู้เดียว การซื้อขายของโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือเป็นโมฆะ หากฟังว่าโจทก์ออกเงินซื้อโจทก์ยังไม่บรรลุนิติภาวะเป็นโมฆียะและล่วงเลยการให้สัตยาบัน จำเลยให้โจทก์อาศัยทำกิน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยกับบริวารไม่ให้เกี่ยวข้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ไม่ได้คัดค้านหนังสือสัญญาซื้อขายซึ่งเป็นเอกสารมหาชน แต่โจทก์ขอสืบเหตุแห่งความจริงว่าได้ร่วมทุนซื้อด้วยกันซึ่งโจทก์นำสืบและเรียกร้องส่วนของตนได้และฟังว่าโจทก์ได้ออกเงินรวมซื้อที่นาและได้ครอบครองนาพิพาทตามที่จำเลยแบ่งให้โจทก์จริง โจทก์ได้สิทธิ ส่วนข้อที่ว่าเวลานั้นโจทก์ยังไม่บรรลุนิติภาวะนั้น โจทก์มิได้บอกล้าง แต่กลับแสดงกิริยารับรองตลอดมา ไม่มีทางที่จะว่าสัญญานั้นได้เลิกล้างไปแล้ว
พิพากษายืน