คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญากู้ยืมที่เจ้าหนี้อ้างส่งไว้แล้วในศาลชั้นต้นปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย เจ้าหนี้มิได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตนำสัญญากู้ยืมไปปิดแสตมป์ให้บริบูรณ์ก่อนศาลชั้นต้นชี้ขาดตัดสินคดีเพิ่งขอมาในชั้นฎีกา จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะอนุญาต ดังนั้น จึงใช้เป็นพยานหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย มีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อพิสูจน์ ว่าหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้มีอยู่จริง เจ้าหนี้จึงจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามล้มละลายศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ (จำเลย) ทั้งสามเด็ดขาด มีเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้รวมทั้งเจ้าหนี้รายนี้ 12 ราย

เจ้าหนี้รายนี้ยื่นคำรับชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินฐานเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเงิน 5,456,600 บาท โดยมีสัญญากู้ยืมเงินและเช็ค16 ฉบับ เป็นหลักฐาน ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำความเห็นเสนอต่อศาลชั้นต้นว่าไม่เชื่อว่าลูกหนี้ที่ 1 และที่ 2 ได้กู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้เช็คทั้งหมดที่ลูกหนี้ที่ 3 มอบให้แก่เจ้าหนี้ ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ เห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 107(1) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

เจ้าหนี้อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

เจ้าหนี้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาว่าเจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้หรือไม่เพียงใด เห็นว่าหนี้ที่เจ้าหนี้ขอมามีจำนวน 5,456,600 บาท เจ้าหนี้อ้างส่งสัญญากู้ยืมเอกสารหมาย จ.1 เป็นพยาน แต่ปรากฏว่าสัญญาดังกล่าวปิดอากรแสตมป์เพียง 10 บาท 50 สตางค์ ไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนดที่เจ้าหนี้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขออนุญาตนำสัญญากู้ยืมเอกสารหมาย จ.1ไปปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์นั้น ปรากฏว่าเจ้าหนี้มิได้ขอมาก่อนศาลชั้นต้นตัดสินชี้ขาด เพิ่งขอมาในชั้นฎีกาจึงไม่มีเหตุที่จะอนุญาต ถือว่าเจ้าหนี้ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือมาแสดงเอกสารหมาย จ.1 จึงใช้เป็นหลักฐานในการขอรับชำระหนี้ไม่ได้ คำให้การของเจ้าหนี้ขัดต่อเหตุผลหลักฐานการกู้ยืมก็รับฟังไม่ได้ เช็คและเอกสารอื่น ๆ เป็นพิรุธน่าสงสัยพยานหลักฐานของเจ้าหนี้จึงไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังว่า ลูกหนี้ทั้งสามเป็นหนี้เจ้าหนี้ตามที่เจ้าหนี้ขอมา ส่วนที่เจ้าหนี้ฎีกาเป็นทำนองว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะสอบปากคำเจ้าหนี้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับพยานหลักฐานของเจ้าหนี้ มิใช่ว่าเมื่อมีข้อสงสัยก็หยิบยกเอาข้อสงสัยมาฟังเป็นผลร้ายแก่เจ้าหนี้เห็นว่า เจ้าหนี้มีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อพิสูจน์ว่าหนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้มีอยู่จริง เจ้าหนี้จึงจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้ เมื่อปรากฏว่าพยานหลักฐานของเจ้าหนี้ต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานขัดต่อเหตุผลเป็นพิรุธน่าสงสัยดังกล่าวมาแล้วเช่นนี้ จึงฟังว่าเจ้าหนี้ไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่าหนี้ที่ขอรับชำระมีอยู่จริง

พิพากษายืน

Share