แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในโฉนดมีชื่อของนางหอมพี่น้องของจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิแต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าที่พิพาทบางส่วนในโฉนดนี้จำเลยครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยครอบครองมาโดยอาศัยสิทธิของนางหอมอย่างใด ก็ต้องฟังว่าจำเลยครองมาโดยเจตนาเป็นเจ้าของ โดยถือว่าบิดามารดายกให้ตามข้อต่อสู้ของจำเลยๆ จึงได้กรรมสิทธิ
คดีนี้แม้โจทก์จะได้ซื้อกรรมสิทธิที่ดินมาจากนางหอม ได้จดทะเบียนสิทธิและเสียค่าตอบแทน แต่เมื่อได้ความตามคำของโจทก์เองว่าโจทก์ได้เห็นจำเลยทำนาพิพาทตั้งแต่ก่อนโจทก์ซื้อ ประกอบกับพฤติการณ์ที่โจทก์ขอซื้อที่พิพาทจากจำเลย ดังได้กล่าวมาดังนี้แล้ว ต้องฟังว่าโจทก์ทราบอยู่ดีก่อนแล้วว่าจำเลยครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทอยู่ การได้มาซึ่งที่พิพาทของโจทก์จึงเป็นไปโดยไม่สุจริตจะใช้ยันแก่จำเลยหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ขออาศัยทำนาในที่ดินโฉนดที่ 2433 อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรีของโจทก์ส่วนหนึ่งเนื้อที่ 4 ไร่ โจทก์ต้องการที่ดินคืนจำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้บังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยอาศัยที่ดินโจทก์ ที่พิพาทนี้เป็นของบิดามารดายกให้และจำเลยได้ครอบครองโดยสงบและเปิดเผยถือตนเป็นเจ้าของติดต่อกันมา 40 ปีแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์ยืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าจริงอยู่ที่ดินโฉนดรายนี้มีชื่อนางหอมเป็นผู้ถือกรรมสิทธิแต่ผู้เดียว และเมื่อนางหอมตายแล้วได้มีการโอนรับมรดกกันต่อมา แต่จำเลยก็ได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมา 40 ปีโดยนางหอมกับจำเลยเป็นพี่น้องกัน จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทนี้เป็นส่วนสัดไร่ ๆ กับที่ออกโฉนดรายนี้ ทั้งโจทก์ไม่มีพยานว่าจำเลยครอบครองโดยอาศัยอำนาจของนางหอมแต่อย่างใด จึงฟังได้ว่าจำเลยครอบครองมาด้วยอำนาจของตนเองหรือโดยเป็นเจ้าของโดยถือว่าบิดามารดายกให้ ส่วนการที่ออกโฉนดลงชื่อนางหอมแต่ผู้เดียวอาจเพื่อความสะดวกไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมมาก จำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทในทางครอบครอง
แม้โจทก์จะได้ที่รายนี้มาโดยจดทะเบียนสิทธิและเสียค่าตอบแทนแต่ก็ได้ความตามคำของโจทก์เองว่าโจทก์ได้เห็นจำเลยทำนาพิพาทตั้งแต่ก่อนโจทก์ซื้อจากนายถมยสแล้ว ประกอบกับพฤติการณ์ที่โจทก์ขอซื้อที่พิพาทจากจำเลยดังได้กล่าวมา ต้องฟังว่าโจทก์ทราบดีอยู่ก่อนแล้วว่าจำเลยครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทอยู่ การได้มาซึ่งที่พิพาทของโจทก์จึงเป็นไปโดยไม่สุจริต จะใช้ยันแก่จำเลยหาได้ไม่
พิพากษายืน