คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เช่าแผงลอยจากกรมประชาสงเคราะห์ จำเลยอาศัย ขอให้ขับไล่ จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้อาศัยและต่อสู้ว่าจำเลยอยู่ในแผงลอยรายพิพาทมาก่อนเวลาที่โจทก์อ้างว่าเช่าจากกรมประชาสงค์เคราะห์เช่นนี้ถ้าเป็นจริงอย่างที่จำเลยต่อสู้ โจทก์ชอบจะฟ้องกรมประชาสงเคราะห์ ที่ไม่สามารถส่งมอบแผงลอยรายพิพาทให้โจทก์ได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์เป็นผู้เช่าจากกรมประชาสงเคราะห์และมิได้เช่าแทนจำเลย พิพากษาให้ขับไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์แม้จะฟังว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าเพื่อตนเอง โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย เพราะจำเลยครอบครองแผงลอยรายพิพาทมาก่อนโจทก์ทำสัญญาเช่า ดังนี้อุทธรณ์ของจำเลยเป็นปัญหาข้อ ก.ม.ว่าถ้าข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยครอบครองมาแผงลอยรายพิพาทมาก่อนโจทก์ทำสัญญาเช่ากับกรมประชาสงเคราะห์ โจทก์จะมีอำนาจฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยหรือไม่ อุทธรณ์ข้อนี้จำเลยมิได้โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาว่าโจทก์เป็นผู้เช่าแทนจำเลย อุทธรณ์ของจำเลยไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.224.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้เช่าแผงลอยเลขที่ ๗๙ สี่แยกมหานาค จากกรมประชาสงเคราะห์เพื่อจำหน่ายของชำแต่ พ.ศ.๒๔๙๒ ตลอดมาจนถึงวันฟ้อง แต่โจทก์ป่วยค้าไม่ได้จำเลยขอเป็นคนเฝ้าและประกอบอาชีพในแผงลอยแทนชั่วคราว โจทก์ต้องการเมื่อไรจะย้ายออกกไป โจทก์บอกให้จำเลยออกจำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้ศาลขับไล่
จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยขอเฝ้าและขออาศัยประกอบอาชีพ จำเลยได้เข้าครอบครองอยู่อาศัยและค้าขายของชำในร้านรายพิพาทตั้งแต่ก่อน พ.ศ.๒๔๙๒ จนบัดนี้ สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับกรมประชาสงเคราะห์จะมีหรือไม่ ๆ ทราบ ถ้ามีก็ทำแทนจำเลย จำเลยเป็นผู้เช่าจากกรมประชาสงเคราะห์ แม้จะฟังว่าโจทก์ได้ทำสัญญาเช่ากับกรมประชาสงเคราะห์ โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย เพราะจำเลยเป็นผู้ครอบครองมาก่อนที่โจทก์จะได้ทำสัญญาเช่าโจทก์ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอากับกรมประชาสงเคราะห์ ผู้ให้เช่าฐานไม่สามารถส่งมอบสถานที่เช่าให้ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากแผงลอยรายพิพาท
จำเลยอุทธรณ์ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อ ก.ม.แต่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย เพราะจำเลยครอบครองแผงลอยรายพิพาทมาก่อนที่โจทก์จะได้ทำสัญญาเช่ากับกรมประชาสงเคราะห์โดยถือว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าแม้จำเลยจะอุทธรณ์ในเรื่องอำนาจฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแต่จำเลยก็ยกเหตุที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนี้เพราะจำเลยครอบครองแผงลอยมาก่อนโจทก์ทำสัญญาเช่ากับกรมประชาสงเคราะห์ ตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาว่ามี โจทก์เป็นผู้เช่าจากกรมประชาสงเคราะห์และโจทก์มิได้เช่าแทนจำเลยซึ่งเท่ากับจำเลยมิได้เช่านั่นเอง ข้ออุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการเถียงข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๒๒๔ พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๒๔๒(๑)
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความที่จำเลยยกขึ้นอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นปัญหาข้อ ก.ม.ว่าถ้าข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยครอบครองแผงลอยรายพิพาทมาก่อนที่โจทก์ทำสัญญาเช่ากับกรมประชาสงเคราะห์โจทก์จะมีอำนาจฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยหรือไม่ อุทธรณ์ข้อนี้จำเลยมิได้โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาว่าโจทก์เป็นผู้เช่าจากกรมประชาสงเคราะห์และโจทก์มิได้เช่าแทนจำเลย อุทธรณ์จำเลยไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๒๒๔
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาตามรูปความ.

Share