แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่มีผู้ปลอมเป็นเจ้าของโฉนดและเซ็นชื่อปลอมเป็นชื่อโจทก์ ไปจำนองที่ดินของโจทก์แก่ผู้อื่น ดังนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินฟ้องขอให้ศาลทำลายสัญญาจำนองให้ที่ดินสู่สภาพเดิมได้ ผู้รับจำนองไม่ได้ทรัพย์สินจากการจำนองแต่อย่างใด และจะใช้มาตรา 1300 ป.ม.แพ่งฯ มาใช้ยันโจทก์มิได้
ทำสัญญารับจำนองโดยสำคัญผิดว่าผู้จำนองเป็นเจ้าของที่ดินเป็นเรื่องสำคัญผิดตามมาตรา 119 สัญญาจำนองเป็นโมฆะ.
ย่อยาว
ความว่า มีผู้ปลอมตัวเป็นโจทก์ และเซ็นชื่อปลอมเป็นโจทก์ ทำสัญญาจำนองที่ดินโฉนด ๓ ฉบับ ของโจทก์แก่จำเลย โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาทำลายสัญญาทำนองนั้น จำเลยให้การว่าได้รับจำนองไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยได้รับจำนองโดยสุจริตและได้เสียค่าตอบแทน โจทก์ไม่เก็บโฉนดไว้ให้ดีต้องรับบาปเคราะห์ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้จำนองไม่ใช่เจ้าของที่ดินหรือได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดิน ไปลงชื่อปลอมเป็นเจ้าของที่ดิน ขัดต่อ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๗๐๕ สัญญาจำนองเป็นโมฆะ พิพากษากลับให้ทำลายสัญญาจำนองรายนี้เสียให้ที่ดินทั้ง ๓ แปลงปลอดการจำนองเข้าสู่สภาพเดิม
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มิใช่บุคคลผู้อยู่ในฐานะที่จะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ แต่เป็นผู้จดทะเบียนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิอยู่แล้ว จะใช้ ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๓๐๐ มาใช่แก่กรณีนี้ไม่ได้ และเรื่องนี้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินมิได้มีใจสมัครจะผูกนิติสัมพันธ์กับจำเลยแต่อย่างใด นิติกรรมระหว่างโจทก์,จำเลยไม่เกิดขึ้น สัญญาจำนองนั้นเป็นสัญญาปลอม ผู้ใดจะแสดงสิทธิอย่างใดจากเอกสารปลอมนั้นหาได้ไม่ กล่าวอีกทางหนึ่งจำเลยได้แสดงเจตนารับจำนองโดยสำคัญผิดในตัวบุคคลอันเป็นสาระสำคัญ เป็นโมฆะตามมาตรา ๑๑๙ ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อ เห็นว่าถ้าจำเลยต้องเสียหายโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์ ก็จะต้องไปว่ากล่าวทางมูลละเมิด หาใช่เป็นเรื่องที่จะให้จำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สิทธิอย่างใดไม่
พิพากษายืน.