คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ว.ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินของโจทก์แทนโจทก์ ว.ย่อมมีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ได้โดยไม่ต้องระบุในสัญญาเช่าซื้ออีกว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ว.กระทำการแทนโจทก์
การนำสืบว่าโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ว.เป็นตัวแทนมีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ ไม่ใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร โจทก์มีสิทธินำสืบได้
เมื่อผู้เช่าซื้อได้ใช้เงินค่าซื้อครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้ว กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อย่อมตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าซื้อโดยผลของกฎหมายแม้สัญญาเช่าซื้อจะมิได้ระบุข้อความดังกล่าวไว้ก็หาขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำเสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์กำหนดชำระค่าเช่าซื้อเป็นรายเดือน โดยโจทก์มอบอำนาจให้นายวรวิทย์เป็นผู้ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ โจทก์จึงริบเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระแล้ว และจำเลยไม่ส่งมอบรถคืนทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ จึงขอให้พิพากษาบังคับจำเลยส่งมอบรถคืนแก่โจทก์ ถ้าคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา และให้จำเลยร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย
จำเลยทั้งสามให้การว่า นายวรวิทย์ทำสัญญาเช่าซื้อในฐานะส่วนตัว ไม่ได้ทำแทนโจทก์ ทั้งการทำสัญญาเช่าซื้อก็มิได้ระบุว่าเป็นการทำแทนโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง สัญญาเช่าซื้อไม่มีลักษณะเป็นสัญญาเช่าซื้อ เพราะไม่มีข้อความที่ให้ทรัพย์สินตกเป็นของผู้เช่าซื้อเมื่อชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันส่งมอบรถพิพาทคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ชำระราคา กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกาข้อแรกว่าหนังสือสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.๓ ไม่มีข้อความระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายวรวิทย์ สุทธิมัณฑนกุล กระทำการแทนโจทก์ ดังนั้นเมื่อนายวรวิทย์ มาลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.๓ ในช่องเจ้าของผู้ให้เช่าซื้อสัญญาเช่าซื้อจึงตกเป็นโมฆะ นั้น ปรากฏว่าเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ บริษัทโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจโดยถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัท และมีข้อความระบุให้นายวรวิทย์ สุทธิมัณฑนกุล ลงนามในสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินของบริษัท ฯ แทนบริษัท ฯ ได้ และให้อำนาจกระทำการอื่นใดอันเกี่ยวกับการนี้เช่นเดียวกันนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ฯลฯ ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.๒ เช่นนี้เห็นว่า นายวรวิทย์ สุทธิมัณฑนกุล ย่อมมีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนบริษัทโจทก์ได้โดยไม่ต้องระบุในสัญญาเช่าซื้ออีกว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายวรวิทย์กระทำการแทนโจทก์ สัญญาเช่าซื้อหาได้ตกเป็นโมฆะดังที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกาแต่อย่างใดไม่
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า โจทก์ไม่มีสิทธินำสืบว่านายวรวิทย์ สุทธิมัณฑนกุล ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ เพราะเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ นั้น เห็นว่ากรณีเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยยนแปลงแก้ไขเอกสาร เพราะเป็นการนำสืบว่ากรรมการของโจทก์ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายวรวิทย์ สุทธิมัณฑนกุล เป็นตัวแทนมีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ โจทก์มีสิทธินำสืบได้ ซึ่งปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.๒ ว่า บริษัทโจทก์มอบอำนาจให้นายวรวิทย์ สุทธิมัณฑนกุล มีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๑ ดังนั้นขณะที่ทำสัญญาเช่าซื้อรายพิพาทกันเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๒ ตามเอกสารหมาย จ.๓ นายวรวิทย์จึงมีอำนาจลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อแทนบริษัทโจทก์อยู่แล้ว หาใช่นายวรวิทย์ทำสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.๓ ก่อนที่จะได้รับมอบอำนาจจากบริษัทโจทก์หรือโจทก์ได้มาให้สัตยาบันการทำสัญญาเช่าซื้อในภายหลังดังที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกาแต่ประการใดไม่
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกาข้อสุดท้ายว่า การที่สัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.๓ ไม่มีข้อความระบุไว้ว่า เมื่อผู้เช่าชำระเงินครบถ้วนแล้ว ให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อตกเป็นของผู้เช่าซื้อ ถือว่าขาดสาระสำคัญหรือขาดเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๒ จะเรียกว่าเป็นสัญญาเช่าซื้อไม่ได้เพราะไม่ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ ย่อมตกเป็นโมฆะนั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๒ ได้บัญญัติในเรื่องเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อไว้ว่าเป็นสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่าโดยมีเงื่อนไขว่า เมื่อผู้เช่าซื้อได้ใช้เงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้ว ให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าซื้อ และสัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือตกเป็นโมฆะ ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว จึงเห็นได้ว่าเมื่อผู้เช่าซื้อได้ใช้เงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาแล้วกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อย่อมตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าซื้อ ทั้งนี้โดยผลของกฎหมายซึ่งบัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้ว ดังนี้แม้สัญญาเช่าซื้อมิได้ระบุข้อความดังกล่าวไว้ก็หาขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าวไม่หาทำให้ไม่เป็นสัญญาเช่าซื้อหรือตกเป็นโมฆะแต่ประการใดไม่
พิพากษายืน.

Share