คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญากู้ระบุเรื่องดอกเบี้ยไว้ว่า ‘ยอมให้ดอกเบี้ยตามกฎหมายอย่างสูง’ เป็นข้อความที่มิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยโดยชัดแจ้งแน่นอนว่าเป็น อัตราสูงเท่าไรต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่ผู้กู้ ผู้ให้กู้มีสิทธิ เรียกดอกเบี้ยได้ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา7

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้กู้เงินจากโจทก์จำนวน 98,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ครบกำหนดจำเลยที่ 1 ไม่ชำระเงินต้นคืนรวมทั้งค้างดอกเบี้ยตลอดมา ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้าง
จำเลยทั้งสองให้การว่าได้ทำสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันตามฟ้อง แต่จำเลยที่ 1 รับเงินไปเพียง 7,000 บาท เหตุที่ปรากฏตามสัญญากู้เป็นเงิน98,000 บาท เพราะโจทก์นำดอกเบี้ยที่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจำนวน 91,000 บาท รวมเข้าไปด้วยหนี้ในส่วนดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินจำนวน 7,000 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนจนครบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 98,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันกู้จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนจนครบ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า สัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ได้เขียนระบุเรื่องดอกเบี้ยไว้ว่า “ยอมให้ดอกเบี้ยตามกฎหมายอย่างสูง” เห็นว่าข้อความดังกล่าวมิได้เป็นการกำหนดอัตราดอกเบี้ยโดยชัดแจ้งแน่นอนว่าเป็นอัตราอย่างสูงเท่าไร ต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่จำเลย คือโจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยในต้นเงินกู้ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี

Share