คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2047/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

รถยนต์ชนกันเป็นเหตุให้มีคนตายและได้รับอันตรายสาหัสเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย การที่จำเลยได้หลบหนีไปทันทีหลังเกิดเหตุโดยไม่ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีนั้น เป็นการกระทำหลังจากเกิดเหตุรถยนต์ชนกันแล้ว เป็นกรณีกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน.

ย่อยาว

คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1638/2528 โดยให้เรียกจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยในคดีดังกล่าวเป็นจำเลยที่ 2 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 1638/2528ถึงที่สุดไปแล้วในชั้นอุทธรณ์ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์โดยประมาทโดยนำรถบรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-1261 เชียงรายซึ่งยางหลังคู่ซ้ายมีสภาพเก่ามากไม่เหมาะที่จะนำมาใช้กับรถบรรทุกออกใช้บรรทุกถังบรรจุแก๊สมีน้ำหนักมากเกินควรขับไปบนถนนหลวงมุ่งหน้าไปทางจังหวัดพิษณุโลกด้วยความเร็วสูง ระหว่างทางยางหลังคู่ซ้ายเกิดระเบิด 1 เส้น เป็นเหตุให้รถยนต์บรรทุกแล่นแฉลบเข้าไปเฉี่ยวชนกับรถยนต์โดยสารที่จำเลยที่ 2 ขับสวนทางมาทำให้ผู้โดยสารหลายคนถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส หลังจากเกิดเหตุจำเลยที่ 1 หลบหนีไปโดยไม่ให้ความช่วยเหลือตามสมควรและไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300, 390, 91 ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 6, 43, 78, 148, 157, 160
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสมจิตต์ น้อยแสง มารดาผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291, 300, 390, 91 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 6, 43, 78, 148, 157, 160 การกระทำของจำเลยที่ 1เป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 จำคุก 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 วรรคสองอีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก 2 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วเป็นจำคุก 3 ปี 2 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยเฉพาะประเด็นการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ โดยวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กระบะบรรทุกบรรทุกแก๊สไปตามถนนหลวงสายนครสวรรค์-พิษณุโลก เมื่อไปถึงบริเวณที่เกิดเหตุยางหลังคู่ซ้ายของรถที่จำเลยที่ 1 ขับเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้รถเสียหลักแล่นเข้าไปชนกับรถยนต์โดยสารซึ่งจำเลยที่ 2 ขับสวนทางมา การที่รถเกิดชนกันขึ้นเป็นเพราะความประมาทของจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย 4 คนและอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยที่ 1 หลบหนีไปศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ได้หลบหนีและไม่ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีหลังเกิดเหตุซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 160 นั้นเป็นการกระทำหลังจากเกิดเหตุรถยนต์ชนกันแล้วต่างหากจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 จะได้หลบหนีไปทันที กรณีก็เป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78, 160 วรรคสองอีกกระทงหนึ่ง…”
พิพากษายืน.

Share