คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้ลงโทษ ลักทรัพย์หรือ รับของโจร แสดงว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียวเพราะเป็นความผิดคนละฐานกันจำเลยให้การ รับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยกระทำผิดฐานใดแม้จะเป็น แบบพิมพ์ คำให้การที่โรเนียวล่วงหน้าไว้ก็ตามก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้อง สืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่งของจำเลยมิฉะนั้นลงโทษไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่1กุมภาพันธ์2537ถึงวันที่18กุมภาพันธ์2537เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกันได้มีคนร้ายเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนาย ยูโซ๊ะ หิเลาะ ผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วลักเอาอาหารสัตว์สำเร็จรูปตรา ไฮ-โปร-ไวท์ จำนวน1กระสอบราคา240บาทของผู้เสียหายซึ่งเก็บรักษาไว้ในเคหสถานดังกล่าวไปโดยทุจริตต่อมาวันที่27กุมภาพันธ์2537เจ้าพนักงานยึดได้อาหารสัตว์สำเร็จรูปตรา ไฮ-โปร-ไวท์ จำนวน1กระสอบซึ่งเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปดังกล่าวทั้งนี้ในระหว่างวันเวลาดังกล่าวจำเลยเป็นคนร้ายลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตหรือมิฉะนั้นจำเลยได้รับเอาทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปไว้ในครอบครองแล้วนำไปขายให้แก่ผู้มีชื่อโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดลักษณะลักทรัพย์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา335,357
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ
โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา357วางโทษจำคุก1ปีจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา78คงจำคุก6เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษและลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า”คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรได้หรือไม่และสมควรที่ศาลฎีกาจะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสอบถามคำให้การจำเลยใหม่หรือไม่เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรแสดงว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียวเพราะความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดคนละฐานกันจะลงโทษจำเลยทั้งสองฐานความผิดดังกล่าวย่อมไม่ได้คำรับสารภาพของจำเลยที่ขอให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการนั้นไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานใดแม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นแบบพิมพ์สำหรับคำให้การจำเลยที่โรเนียวไว้ล่วงหน้าก็ตามก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งของจำเลยเมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงลงโทษจำเลยไม่ได้เมื่อศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานซึ่งโจทก์ได้ลงชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณานั้นแล้วหากโจทก์เห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ศาลชั้นต้นจดไว้ไม่ชัดแจ้งโจทก์ชอบที่จะคัดค้านหรือแถลงขอสืบพยานต่อไปเพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำความผิดของจำเลยคดีจึงไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามคำให้การของจำเลยใหม่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share