คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2045/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีโจทก์เข้ารับดำเนินคดีแทนโจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจ โดยลงลายมือชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจ และเป็นผู้ลงลายมือชื่อแต่งทนายโจทก์ให้ดำเนินคดี พฤติการณ์ดังกล่าวของสามีโจทก์แสดงให้เห็นว่าสามีโจทก์ยินยอมให้โจทก์ฟ้องคดีแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2524 จำเลยกู้เงินโจทก์ไปตามสำเนาหนังสือกู้เงินเอกสารท้ายฟ้อง แม้ในสำเนาสัญญากู้เงินจะมีข้อความว่ากู้เงินไป พ.ศ. 24 ก็เป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปแล้วไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ย ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินคืนโจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะสามีโจทก์ไม่ได้ทำหนังสือให้ความยินยอมในการฟ้อง และฟ้องเคลือบคลุม จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายสถิตย์ กาญจนเกตุสามีเป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.1 นายสถิตย์เข้าดำเนินคดีแทนโดยลงลายมือชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจ และเป็นผู้ลงลายมือชื่อแต่งทนายโจทก์ให้ดำเนินคดีพฤติการณ์ดังกล่าวของสามีโจทก์แสดงให้เห็นว่าสามีโจทก์ยินยอมให้ฟ้องคดีแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2524 จำเลยกู้เงินไป 65,000 บาทดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือน กำหนดชำระคืนในเดือนกันยายน 2528ตามสำเนาหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารท้ายฟ้อง ครบกำหนดจำเลยไม่ชำระขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระหนี้ แม้ในสำเนาสัญญากู้เงินเอกสารท้ายฟ้องจะมีข้อความว่ากู้เงินไป พ.ศ. 24 แต่โจทก์ก็บรรยายมาในฟ้องว่าจำเลยกู้เงินเมื่อ พ.ศ. 2524 เป็นคำฟ้องที่ชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างซึ่งอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แล้วไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน

Share