คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2043/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ลูกจ้างถึงแก่ความตายด้วยโรคหัวใจวายหลังจากเลิกสัมมนาอันถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างแล้วเป็นเวลาถึงประมาณ 10 ชั่วโมง เช่นนี้จึงไม่อาจถือได้ว่าลูกจ้างนั้นถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นทายาทของนายรัฐพล บัวบาน นายรัฐพล บัวบานเป็นพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายรัฐพล บัวบานเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการธนาคารและการบัญชีอีกทั้งยังได้รับมอบหมายให้เป็นวิทยากร และร่วมสัมมนาในหลักสูตรต่าง ๆ ของธนาคารเป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่านายรัฐพล บัวบาน ต้องตรากตรำปฏิบัติงานประจำและงานนอกเหนือจากงานประจำที่ได้รับมอบหมาย ทำให้มีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ กล่าวคือนอกจากงานประจำตามเวลาปฏิบัติงานปกติในวันธรรมดาแล้ว นอกเวลาทำงานยังต้องเตรียมข้อมูลเพื่อสัมมนาผู้บริหารสาขาและวิทยากรในหลักสูตรต่าง ๆ ของธนาคารตามต่างจังหวัดในวันหยุดตลอดเกือบทุกสัปดาห์ในวันที่ 8 มกราคม 2531เวลา 8.00 นาฬิกา นายรัฐพล บัวบานได้มาปฏิบัติงานตามปกติจนกระทั่งเวลา 14.00 นาฬิกา จึงเดินทางไปโรงแรมรีเจนท์ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อไปประชุมสัมมนาโครงการซักซ้อมการดำเนินงานสินเชื่อในรูปโครงการ (ระดับผู้บริหารส่วนมาก)ระหว่างวันที่ 9-10 มกราคม 2531 เมื่อถึงโรงแรมได้รับประทานอาหารเย็นและศึกษาเอกสารเตรียมการสัมมนาจนกระทั่งเวลาประมาณ24 นาฬิกา จึงได้พักผ่อน รุ่งขึ้น (9 มกราคม 2531) ได้ร่วมสัมมนาตั้งแต่เวลา 8.30 นาฬิกา และเสนอข้อคิดเห็นต่อที่ประชุมอย่างเคร่งเครียดและจริงจัง ตามอุปนิสัยในการทำงานจนถึงเวลา18.15 นาฬิกา จึงเลิกประชุมและรับประทานอาหารเย็น เวลา18.30 นาฬิกา จากการตรากตรำและเคร่งเครียดในการทำงานเกินกว่าคนปกติโดยทั่วไป เป็นผลทำให้ร่างกายและจิตใจไม่สามารถทนต่อสภาวะการตรากตรำและเคร่งเครียดดังกล่าวได้ ในที่สุดเมื่อเวลา 4.00 นาฬิกา ของวันที่ 10 มกราคม 2531 จึงเกิดอาการหัวใจวายถึงแก่ความตาย โจทก์ได้ใช้สิทธิเรียกเงินทดแทนจากสำนักงานกองทุนเงินทดแทน ปรากฏว่าพนักงานเงินทดแทนวินิจฉัยว่านายรัฐพล บัวบาน มิได้ป่วยเป็นโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือโรคซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงาน โจทก์จึงอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนมีมติว่า นายรัฐพล บัวบาน มิได้ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือโรคซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง แต่โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน โดยเห็นว่านายรัฐพล บัวบาน ถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง ดังนั้น โจทก์ซึ่งเป็นภรรยาและเป็นทายาทจึงมีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากจำเลย ขอให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยที่สั่งว่านายรัฐพล บัวบาน มิได้ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายด้วยโรคซึ่งเกิดตามลักษณะหรือสภาพของงาน หรือโรคซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง ให้จำเลยจ่ายเงินทดแทนจำนวน 963,360 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์จำเลยให้การว่า คำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนว่าการตายด้วยโรคหัวใจวายมิใช่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือโรคซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างตามนัยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน2515 เพราะโรคหัวใจวายกะทันหันนั้น เกิดจากเส้นเลือดที่มาเลี้ยงหัวใจถูกอุดตันอย่างทันที ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายไม่สามารถทำงานได้และทำให้บุคคลนั้นถึงแก่ความตายทันที และสิ่งที่มาอุดตันนั้นเกิดขึ้นจากพยาธิสภาพของบุคคลนั้น ๆ เองไม่เกี่ยวข้องกับลักษณะการทำงานแต่อย่างใด คำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนจึงชอบด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ศาลแรงงานกลางยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “โจทก์อุทธรณ์ว่า ก่อนถึงแก่ความตายนายรัฐพลผู้ตายเกิดความเครียดและไม่พอใจเนื่องจากผู้ใต้บังคับบัญชาถูกโยกย้าย ต่อมาในเย็นวันเดียวกันได้เดินทางไปสัมมนาที่อำเภอชะอำ ต้องตระเตรียมงานเพื่อนำเข้าสัมมนาในวันที่ 9 มกราคม 2531 และในวันสัมมนาต้องพูดและชี้แจงเกี่ยวกับงานในหน้าที่มากทำให้เกิดความเครียด หลังจากเลิกสัมมนาแล้วนายรัฐพลได้เข้านอนจนถึง 4 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้นก็ถึงแก่ความตายโดยแพทย์ลงความเห็นว่าตายด้วยโรคหัวใจวาย ซึ่งถือว่าเป็นการตายที่มีผลสืบเนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง เป็นการประสบอันตรายตามข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานฯ แล้ว พิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีตามอุทธรณ์ของโจทก์ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า น่าเชื่อตามความเห็นของแพทย์ว่านายรัฐพลมีโรคเกี่ยวกับหัวใจอยู่ก่อนแล้วโดยตนเองไม่ทราบจึงเป็นไปได้ที่เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจจะถูกไขมันอุดตันได้ง่ายในขณะนอนหลับเนื่องจากโลหิตไหลช้า สำหรับความเครียดนั้นแม้จะเครียดอย่างไรก็ไม่ทำให้หัวใจวายได้ นอกจากนี้ยังได้ความว่าในวันที่มีการสัมมนานายรัฐพลเลิกสัมมนาตั้งแต่เวลา18.30 นาฬิกา ต่อมาเวลา 22 นาฬิกา ก็ยังลุกขึ้นมาเปิดประตูให้นายกิตติซึ่งนอนอยู่ในห้องเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าสภาพร่างกายของนายรัฐพลในขณะนั้นยังปกติดีอยู่ ไม่ได้เจ็บป่วยหรือมีอาการของโรคหัวใจให้เห็น เพิ่งถึงแก่ความตายหลังจากนั้นอีกราว 6 ชั่วโมงการที่นายรัฐพลตายหลังจากเลิกสัมมนาอันถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติงานให้แก่นายจ้างแล้วเป็นเวลาถึงประมาณ10 ชั่วโมง เช่นนี้จึงไม่อาจถือได้ว่านายรัฐพลถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง”
พิพากษายืน

Share