แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมถูกชกบริเวณใบหน้าเป็นรอยฟกช้ำและดั้งจมูกหักแต่สามารถไปไหนมาไหน และไปทำงานได้ตามปกติ แม้แพทย์มีความเห็นว่าใช้เวลารักษาบาดแผลประมาณ 30 วัน ก็เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับการรักษาบาดแผลให้หายเป็นปกติเท่านั้นยังไม่ถึงขนาดเป็นอันตรายสาหัส.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 จำคุก 9 เดือน คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ร่วมถูกชกทำร้ายที่บริเวณใบหน้าเป็นรอยฟกซ้ำและดั้งจมูกหัก แต่โจทก์ร่วมได้ไปแจ้งความในวันรุ่งขึ้น และได้ไปปฏิบัติหน้าที่ติดต่อกันตามปกติ แสดงว่าโจทก์ร่วมสามารถไปไหนมาไหนและไปทำงานหรือทำธุระกิจอย่างอื่นได้แม้แพทย์ที่ตรวจบาดแผลจะลงความเห็นว่า ใช้เวลารักษา 30 วันก็เป็นความเห็นเกี่ยวกับการรักษาบาดแผลให้หายเป็นปกติเท่านั้นบาดแผลของโจทก์ร่วมยังไม่ถึงขนาดเป็นการป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา หรือทำให้โจทก์ร่วมไม่สามารถประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันอันเป็นอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297(8) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น ฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.