คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2042/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยแถลงว่าจำเลยยังมิได้รับสำเนาเอกสารจากโจทก์ แต่จำเลยก็ขอให้สืบพยานโจทก์ไปได้ และคัดค้านไปพร้อมกันว่าขอมิให้ศาลรับฟังเอกสารของโจทก์ ซึ่งขัดกันอยู่ในตัว ปรากฏว่าโจทก์ส่งสำเนาเอกสารให้ทนายจำเลยก่อนวันสืบพยานถึง 7 วัน ความล่าช้าจึงมิได้อยู่ที่โจทก์ ทั้งโจทก์แถลงว่าหากให้เลื่อนคดีไป โจทก์ก็พร้อมที่จะทำสำเนาเอกสารให้จำเลย แต่จำเลยก็ยังยืนยันให้สืบพยานโจทก์ไปในวันนั้นเองเพื่อหวังผลว่าศาลจะไม่รับฟังพยานเอกสารของโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ในพฤติการณ์เช่นนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) จึงเป็นการชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองจ้างโจทก์ทำบล็อก โจทก์ทำของส่งจำเลยครบถ้วนแล้ว จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ให้แก่โจทก์ แต่เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินไม่ได้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าจ้าง ๕๒,๒๕๐.๔๕ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยติดต่อว่าจ้างทำของดังโจทก์ฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระค่าจ้างทำของ ๕๒,๒๕๐.๔๕ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายในกรณีโจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๓ ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยแถลงว่า ยังมิได้รับสำเนาเอกสารจากโจทก์ แต่จำเลยก็ขอให้สืบพยานโจทก์ไปได้ และคัดค้านไปพร้อมกันว่า ขอมิให้ศาลรับฟังเอกสารของโจทก์ดังนี้เป็นการขัดกันอยู่ในตัว หากจำเลยเกรงว่าตนจะเสียเปรียบเพราะเหตุที่มิได้ตรวจสำเนาเอกสารก่อนวันสืบพยาน ก็ไฉนจึงขอให้ศาลสืบพยานโจทก์ไปทีเดียวโดยไม่รอรับสำเนาเอกสารเสียก่อน ทั้งนี้เห็นได้ว่า ก็โดยจำเลยหวังจะให้ศาลไม่รับฟังเอกสารนั้นเองพิจารณาทางด้านโจทก์ โจทก์มีเอกสารหมายพิเศษ ๑ เป็นใบรับฝากไปรษณีย์ภัณฑ์ลงทะเบียนแสดงว่าโจทก์ส่งสำเนาเอกสารให้ทนายจำเลยตั้งแต่วันที่ ๗ เดือนเดียวกันก่อนวันสืบพยานถึง ๗ วัน ความล่าช้ามิได้อยู่ที่โจทก์ หรือหากให้เลื่อนคดีไปโจทก์ก็พร้อมที่จะทำสำเนาเอกสารให้จำเลยอีกด้วย แสดงว่าโจทก์ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เมื่อโจทก์แถลงเช่นนั้นแล้ว จำเลยก็ยังยืนยันให้สืบพยานโจทก์ในวันนั้นเอง เพื่อหวังผลว่าศาลจะไม่รับฟังพยานเอกสารของโจทก์ ดังนี้ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ในกรณีที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๗(๒) การรับฟังพยานเอกสารเช่นในคดีนี้เป็นการชอบแล้ว
พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องดอกเบี้ย

Share