คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโดยเห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม.แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นฟ้องที่ใช้ได้ไม่เคลือบคลุม.พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น. ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือสั่งใหม่ตามรูปคดี. ดังนี้ จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้. เพราะจำเลยยังมิได้เข้าสู่ฐานะเป็นจำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 3 คนในฐานะกรรมการของวัดโจทก์มีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาเงินและเก็บเงินรายได้ของวัด ได้ร่วมกันทุจริตยักยอกเงินของวัดรวมหลายรายการตามฟ้อง เบียดบังไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา352, 353, 83 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่ระบุว่าจำเลยได้ยักยอกทรัพย์โจทก์ไปเมื่อวันเดือนปีเวลาใด จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องได้บรรยายวันเวลาเกิดเหตุมาเพียงพอแล้วไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาหรือสั่งใหม่ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่เอกชนฟ้องความอาญาต่อศาลเมื่อศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ไต่สวนมูลฟ้องต่อไปจำเลยยังหาเข้ามาสู่ฐานะเป็นจำเลย ที่จะมีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ไม่ ให้ยกฎีกาจำเลย.

Share