คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่ดินกับผู้มีชื่อคนหนึ่งและให้มัดจำไว้แล้วต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาขึ้นฉบับหนึ่งแบบเดียวกับที่โจทก์ทำ อันเป็นความเท็จว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวแล้วนำไปแสดงเพื่อขอกู้เงินกับผู้มีชื่ออีกคนหนึ่งเช่นนี้ เรียกว่าโจทก์มิได้รับความเสียหายฉะนั้น จึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีอาญากับจำเลยได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกปลอมเอกสาร ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริงดังฟ้อง พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 โดยจำคุกไว้ 6 เดือน จำเลยให้ความรู้แก่ศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 3 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจดำเนินคดีพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามทางพิจารณาโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่ดินจากนางโหมด 60,000 บาท ให้เงินมัดจำไว้ 15,000 บาท โดยนางโหมดมอบโฉนดไว้ให้โจทก์ ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายขึ้นฉบับหนึ่งแบบเดียวกับที่โจทก์ทำ อันเป็นความเท็จว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อที่รายนี้และให้เงินมัดจำนางโหมดไว้ แล้วได้นำสัญญาซื้อขายดังกล่าวพร้อมด้วยโฉนดซึ่งโจทก์มอบให้จำเลยเป็นผู้เก็บรักษาเอาไปแสดงต่อนางปราณี ขอกู้เงินนางปราณี 14,000 บาท โจทก์นำสืบต่อไปว่าโจทก์ต้องนำเงินไปชำระให้นางปราณีทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย 14,000 บาท จึงได้โฉนดคืนมา นับว่าได้มีการเสียหายจากการกระทำของจำเลย แต่ปรากฏจากนางปรานีพยานโจทก์ว่า นางปราณีมิได้จ่ายเงินให้กู้ และนางปราณีก็ไม่เคยได้รับเงินจากโจทก์เลย ฝ่ายจำเลยนำสืบว่าการทำสัญญาซื้อขายใส่ชื่อจำเลยขึ้นแล้วนำไปทำสัญญากู้เงินนางปราณีนั้น ก็โดยนายบุญช่วยซึ่งมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับโจทก์จัดการเพราะนายบุญช่วยต้องการเงิน เมื่อนางปราณีไม่ให้กู้ สัญญาซื้อขายและสัญญากู้นายบุญช่วยก็ได้ส่งให้โจทก์ไป โจทก์ขัดใจจำเลยเรื่องนายบุญช่วยจึงนำคดีมาฟ้องร้อง

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว เอกสารที่จำเลยทำขึ้นถ้าจะเกิดความเสียหาย ก็จะเกิดแก่นางโหมดหรือนางปราณี โจทก์ไม่ได้เป็นผู้รับความเสียหายแต่ประการใด สัญญาซื้อขายที่ว่าจำเลยทำขึ้นไม่ได้ปลอมชื่อโจทก์ กรณีหาได้เกี่ยวกับโจทก์ไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share