คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2037/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เครื่องหมายการค้าเป็นทรัพย์สินทางปัญญา นับเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งและสามารถโอนให้แก่กันได้ ตามพ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 44 และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง การโอนเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นการจัดการทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจการจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 (1), (3) และมาตรา 24 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้แทนที่จะฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันโอนเครื่องหมายการค้าคำขอเลขที่ 240376 ทะเบียนเลขที่ ค14756 คำขอเลขที่ 240391 ทะเบียนเลขที่ ค7882 คำขอเลขที่ 240587 ทะเบียนเลขที่ ค10814 และคำขอเลขที่ 368326 ทะเบียนเลขที่ ค116379 ให้แก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสองในการโอนเครื่องหมายการค้าให้แก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองจดทะเบียนยกเลิกการใช้เครื่องหมายการค้าข้างต้น หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง หรือขอให้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าว
จำเลยทั้งสองโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณา จำเลยทั้งสองโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ โดยโจทก์อุทธรณ์ในทำนองว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง เพราะเป็นการฟ้องติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์เอง ทั้งเป็นการบังคับที่ตัวบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จำเลยที่ 2 ไปดำเนินการต่ออายุเครื่องหมายการค้าด้วยตนเอง แสดงว่าไม่อยู่ในอำนาจการจัดการทรัพย์สินของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กฎหมายไม่ได้ห้ามโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองซึ่งตกเป็นบุคคลล้มละลายแล้ว กฎหมายเพียงแต่กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อสู้คดีแทน เห็นว่า เครื่องหมายการค้าเป็นทรัพย์สินทางปัญญา นับเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งและสามารถโอนให้แก่กันได้ ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 44 และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง การโอนเครื่องหมายการค้าตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์จึงเป็นการจัดการทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองนั่นเอง ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจการจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 (1), (3) และมาตรา 24 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้แทนที่จะฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์จึงไม่ชอบ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์อีกต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share