คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2034/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 137
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า หากโจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทและมีสิทธิได้รับการซื้อนาฬิกาก่อนผู้อื่น สิทธิของโจทก์ก็ยังคงมีอยู่ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 มาตรา 54 แม้จำเลยทั้งห้าแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินทำให้เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อว่าที่นาพิพาทไม่มีผู้เช่าเจ้าพนักงานที่ดินย่อมเป็นผู้เสียหาย โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่แก้ไขใหม่ บัญญัติว่า “ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์” คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีโจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาโจทก์.

Share