คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4312/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นโรคประสาทหลอนกลัวคนจะทำร้าย ได้อุ้มเอาผู้เสียหายซึ่งอยู่กับบิดาในสวนจตุจักรไปเป็นตัวประกันโดยเมื่อถึงสถานีขนส่งสายเหนือฝั่งถนนตรงกันข้ามแล้วก็จะปล่อย จำเลยหาได้มีเจตนาพรากผู้เสียหายไปจากความดูแลของบิดาไม่ เพียงแต่กระทำไปโดยประสงค์ที่จะเอาตัวผู้เสียหายไปเป็นตัวประกันในระยะเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งบิดาผู้เสียหายก็ยังคงติดตามไปด้วย ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๒๕ ระหว่างเวลากลางวันและกลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกัน จำเลยได้พาอาวุธมีดติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และจำเลยได้พรากเด็กหญิงเอกนารี คูเขตตไพศาล อายุยังไม่เกินสิบสามปี ไปเสียจากนายวุฒิไกร คูเขตตไพศาล ผู้เป็นบิดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร เมื่อนายวุฒิไกรขอให้จำเลยปล่อยตัวจำเลยกลับหน่วงเหนี่ยวและใช้อาวุธมีดจี้ที่คอและขู่จะฆ่าเด็กหญิงเอกนารี เป็นเหตุให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและจำเลยได้พยายามฆ่าเด็กหญิงเอกนารีด้วยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๑๐, ๓๑๗, ๓๗๑ และริบมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๐, ๓๑๗, ๓๗๑ ความผิดตามมาตรา ๓๑๐, ๓๑๗ เป็นกรรมเดียวลงโทษตามมาตรา ๓๑๗ จำคุก ๔ ปี ความผิดตามมาตรา ๓๗๑ ปรับ ๑๐๐ บาท รวมจำคุก ๔ ปี ปรับ ๑๐๐ บาท ข้อหาพยายามฆ่าให้ยกฟ้อง ริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๓๑๗และ ๓๗๑ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๑๐ จำคุก ๑ ปีส่วนข้อหาตามมาตรา ๓๑๗ และ ๓๗๑ ให้ยกฟ้องโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นโรคประสาทหลอนตอนเกิดเหตุเข้าใจว่ามีคนจะทำร้าย จำเลยจึงอุ้มเอาผู้เสียหายซึ่งอยู่กับนายวุฒิไกรบิดาในสวนจตุจักรไปเป็นตัวประกัน โดยเมื่อถึงสถานีขนส่งสายเหนือแล้วก็จะปล่อยผู้เสียหาย ขณะนั้นนายวุฒิไกรยังคงติดตามไปด้วย แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่จะกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๗ นั้น ต้องเป็นกรณีพรากผู้เยาว์ไปให้พ้นจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ซึ่งเป็นการแยกเอาผู้เยาว์ไปจากความปกครองดูแลของบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล แต่การกระทำของจำเลยเพียงเพื่อจะนำผู้เสียหายไปเป็นประกันเนื่องจากกลัวคนจะทำร้าย โดยเมื่อถึงสถานีขนส่งสายเหนือฝั่งถนนตรงกันข้ามแล้วก็จะปล่อยผู้เสียหาย จำเลยหาได้มีเจตนาที่จะพรากผู้เสียหายไปจากความดูแลของนายวุฒิไกรบิดาไม่ เพียงแต่ประสงค์ที่จะเอาผู้เสียหายไปเป็นประกันในระยะเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนายวุฒิไกรก็ยังคงติดตามไปด้วย ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๗ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้ในส่วนความผิดอื่น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share