คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในการที่ของอันเขาได้มอบหมายแก่ตนนั้นสูญหายหรือบุบสลาย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เมื่อปรากฏว่าเรือลำเลียงที่จำเลยที่ 1 ใช้ขนส่งจอดอยู่ที่ท่ากำลังบรรทุกสินค้า มีคลื่นจากเรืออื่นมาทำให้เรือลำเลียงนั้นโคลงและล่มลง เมื่อไม่ปรากฏว่าคลื่นนั้นมีความร้ายแรงผิดปกติ จนไม่อาจคาดหมายหรือไม่อาจป้องกันมิให้เรือลำเลียงล่มได้ จำเลยที่ 1 ย่อมคาดหมายได้ว่าจะมีคลื่นมากระทบเรือลำเลียง และอาจมีการระมัดระวังมิให้เรือลำเลียงล่มเพราะถูกคลื่นกระทบได้การที่เรือล่มจึงไม่ใช่ผลบังคับที่ไม่อาจป้องกันได้ และมิใช่เหตุสุดวิสัย จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับประกันภัยการขนส่งนมข้นกระป๋องของบริษัทอุตสาหกรรมนมพระนคร จำกัด ด้วยวิธีการขนส่งทางทะเล จำเลยที่ ๑ ได้รับจ้างบริษัทอุตสาหกรรมนมพระนคร จำกัด ขนส่งนมข้นกระป๋องที่โจทก์รับประกันภัยไว้ จากบริษัทอุตสาหกรรมนมพระนคร จำกัด ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยเรือลำเลียงเพื่อนำไปส่งมอบให้แก่เรือเดินทะเลซึ่งจอดขนถ่ายสินค้าที่โกดังริมแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้แทนจำเลยที่ ๑ และในฐานะส่วนตัวรับช่วงขนส่งสินค้าจากจำเลยที่ ๑ ได้เช่าเรือลำเลียงจากเจ้าของเรือไปรับขนส่งนมกระป๋องดังกล่าวจำเลยที่ ๓ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ควบคุมเรือ จำเลยที่ ๓ ได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่อโดยได้รับมอบนมข้นกระป๋องจำนวนหนึ่งมาบรรทุกในเรือได้นำหีบนมข้นกระป๋องที่บรรจุในกระบะไม้ลงบรรทุกในระวางใต้ท้องเรือและนำหีบนมข้นกระป๋องที่ไม่ได้ใส่กระบะไม้บรรทุกไว้พื้นเรือตอนบนโดยไม่มีเชือกผูกยึดให้แน่น เมื่อมีคลื่นเกิดจากเรือแล่นผ่าน ทำให้เรือโคลงทำให้หีบนมข้นกระป๋องที่ไม่ได้ใส่กระบะไม้เลื่อนไปทางด้านที่เรือเอียงด้านเดียวเรือเสียการทรงตัว กราบเรือต่ำกว่าระดับน้ำ น้ำเข้าเรือทำให้เรือจมลงนมจำนวนหนึ่งได้รับความเสียหายจำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้รับจ้างขนสินค้าและนายจ้างจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดในฐานะรับช่วงการขนส่งสินค้าจากจำเลยที่ ๑ โจทก์ได้ชำระค่าเสียหายตามสัญญาประกันภัยเป็นเงิน ๑,๙๗๐,๑๐๒.๙๘ บาท แล้ว จึงรับช่วงสิทธิมาฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า การที่เรือลำเลียงล่มเกิดจากถูกคลื่นเรือใหญ่ การบรรทุกนมได้จัดเรียงแน่นและไม่เกินน้ำหนักบรรทุกของเรือ เรือลำเลียงล่มขณะจอดอยู่และอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้าง จำเลยที่ ๓ ไม่ได้คุมเรือและประมาทดังฟ้อง โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ ๒ รับผิดเป็นส่วนตัวนั้นไม่ชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหาย๑,๘๖๘,๑๐๒.๙๘ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๓ ไม่ได้ประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ ๒ ไม่ได้รับช่วงงานจากจำเลยที่ ๑ จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิด คงวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายสำหรับจำเลยที่ ๑ ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ ๑ รับผิดในฐานะผู้ขนส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๑๖ จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดในการที่นมข้นกระป๋องของบริษัทอุตสาหกรรมนมพระนคร จำกัด สูญหายหรือบุบสลายเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการสูญหายหรือบุบสลายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยเมื่อไม่ปรากฏว่าคลื่นที่ทำให้เรือลำเลียงล่มนั้นมีความร้ายแรงผิดปกติจนไม่อาจคาดหมายหรือไม่อาจป้องกันมิให้เรือลำเลียงล่มได้จำเลยที่ ๑ ย่อมคาดหมายได้ว่าจะมีคลื่นมากระทบเรือลำเลียง และอาจมีการระมัดระวังมิให้เรือลำเลียงล่มเพราะถูกคลื่นกระทบได้ การที่เรือลำเลียงล่มเพราะโดนคลื่นนี้ จึงไม่ใช่ผลบังคับที่ไม่อาจป้องกันได้ การที่เรือลำเลียงล่มลงหาใช่เกิดจากเหตุสุดวิสัยไม่ จำเลยที่ ๑ จึงไม่พ้นความรับผิด
พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้จำเลยที่ ๑ คงรับผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ผู้เดียว.

Share