คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2027/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต แต่ไม่ลงโทษฐานนี้เพราะได้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องเฉพาะความผิดฐานพาอาวุธปืนเมื่อโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ถ้าศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยมีความผิดก็มีอำนาจกำหนดโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ โดยเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289,371, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิริบของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิจำเลยได้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน สำหรับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นให้ลงโทษประหารชีวิต เมื่อศาลลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจึงไม่ลงโทษจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธปืนอีก ริบของกลางจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ในข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้น โจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว จำเลยไม่มีความผิดในข้อหานี้จำเลยคงมีความผิดเพียงพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 เท่านั้นและเห็นสมควรกำหนดโทษสำหรับความผิดดังกล่าวปรับกระทงละ 100 บาทแต่โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จะเพิ่มเติมโทษจำเลยอีกไม่ได้พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวตามฟ้องโจทก์นั้น ปรากฏตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมายจ.27 จำเลยรับว่าจำเลยเคยได้รับอนุญาตให้พาอาวุธปืนติดตัวแต่ใบอนุญาตขาดอายุแล้วตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2527 ดังนั้นจึงฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2527 และขณะที่จำเลยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2527จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เช่นนี้ เมื่อฟังข้อเท็จจริงว่าตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยได้ใช้อาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นของจำเลยยิงผู้ตาย จำเลยย่อมมีความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวในวันเกิดเหตุกระทงหนึ่ง และข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2527 เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยอาวุธปืนของกลางที่ตัวจำเลย ที่ร้านขายกาแฟหน้าวัดโคกยายเกตุ ตำบลเจดีย์ อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีจำเลยย่อมมีความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวในวันที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนั้นอีกกระทงหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ ทั้งสองกระทงนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์สำหรับความผิดฐานพาอาวุธปืนฯฟังขึ้นทั้งสองกระทง”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 83 ให้ประหารชีวิตจำเลย และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 3, 7 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522มาตรา 5 รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share