คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2027/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

บรรยายฟ้องว่า จำเลยดำรงตำแหน่งผู้จัดการร้านสหกรณ์หัวหินจำกัดได้ครอบครองดูแลกิจการทั้งปวงและตัวเงินสดของร้านจำเลยได้เบียดบังยักยอกทรัพย์ (สินค้าต่าง ๆ) ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องเป็นเงิน50,500.25 บาท และยักยอกเงินสด 111,000 บาท ของร้านไป เป็นของจำเลยโดยทุจริต ดังนี้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหามีว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ฟ้องจะต้องระบุการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ฯลฯ มาพอสมควรเท่าที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องมีใจความสำคัญว่า จำเลยดำรงตำแหน่งผู้จัดการร้านสหกรณ์หัวหิน จำกัด ได้ครอบครองดูแลกิจการทั้งปวงและตัวเงินสดของร้านสหกรณ์หัวหิน จำกัด จำเลยได้บังอาจเบียดบังยักยอกทรัพย์ (สินค้า) ต่าง ๆ ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องเป็นเงิน 50,500.25 บาท และเบียดบังยักยอกเงินสด 111,000 บาทของร้านสหกรณ์หัวหิน จำกัด ไปเป็นของจำเลยโดยทุจริต เห็นว่าฟ้องโจทก์ได้กล่าวถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา สถานที่และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 225/2523 ระหว่างพนักงานอัยการกรมอัยการ โจทก์ นายอมร พงษ์วิทยากร โจทก์ร่วม นายวรศักดิ์ พฤกษ์พรรณชัย ที่ 1 นางกาญจนา พฤกษ์พรรณชัย ที่ 2 จำเลย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น แต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นสมควรให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยปัญหานี้ต่อไป

พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี”

Share