คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 45 ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนา บ้านแห่งหนึ่งจึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งแล้วปิดคำบังคับไว้ที่บ้านแห่งนั้น จึงเป็นการส่งคำบังคับที่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยสำนวนแรกใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย และค่าฤชาธรรมเนียมให้แก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ สำนวนหลังชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์ หากไม่ชำระให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทน หากจำเลยที่ ๒ ไม่ชำระอีกก็ให้จำเลยที่ ๓ ชำระแทน
จำเลยสำนวนแรกไม่ชำระหนี้ตามยอม โจทก์สำนวนแรกจึงขอให้ออกหมายบังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยสำนวนแรกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้
คดีสำนวนหลังถึงที่สุดแล้ว โจทก์สำนวนหลังขอให้ออกคำบังคับจำเลยทั้งสามในสำนวนหลังให้ปฏิบัติตามคำพิพากษา หากไม่มีผู้รับ ขอให้ปิดคำบังคับ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้ตามขอ พนักงานเดินหมายไปส่งให้แก่จำเลยที่ ๓ ในสำนวนหลังที่บ้านเลขที่ ๑๗/๖ ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แต่ไม่พบ พบแต่หญิงคนหนึ่งอายุ ๔๐ปีแจ้งว่าจำเลยที่ ๓ ย้ายออกจากบ้านดังกล่าวแล้ว และไม่ยอมรับคำบังคับแทน พนักงานเดินหมายจึงปิดคำบังคับไว้ที่บ้านนั้น
โจทก์สำนวนหลังร้องว่า จำเลยทั้งสามสำนวนหลังทราบคำบังคับแล้ว จำเลยที่ ๑, ที่ ๒ ไม่มีทรัพย์สินที่จะยึดขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ จึงขอรับเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดส่วนที่เหลือจากชำระหนี้ให้โจทก์สำนวนแรกแล้ว
จำเลยสำนวนแรกคัดค้านว่า พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปปิดที่บ้านเลขที่ ๑๗/๖ ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มิใช่ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ของจำเลยที่ ๓ ในสำนวนหลัง จำเลยที่ ๓ จึงยังไม่ได้รับคำบังคับ การบังคับคดีในสำนวนหลังไม่อาจมีได้ ขอให้ศาลสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง
เมื่อครบกำหนดตามคำบังคับแล้วโจทก์สำนวนหลังร้องว่า จำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นจึงออกหมายบังคับคดีตั้งหัวหน้ากองบังคับคดีแพ่งยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสามในสำนวนหลัง
จำเลยที่ ๓ ในสำนวนหลังร้องอีกว่า จำเลยที่ ๓ ย้ายออกจากบ้านเลขที่ ๑๗/๖ ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ไปอยู่บ้านเลขที่ ๑๓๗/๑๖ ตำบลสัตหีบ ประมาณ ๓ ปีแล้ว การปิดคำบังคับไว้ที่บ้านเลขที่ ๑๗/๖ ดังกล่าวจึงไม่ชอบ ขอให้ส่งคำบังคับให้จำเลยที่ ๓ ใหม่และสั่งยกเลิกหมายบังคับคดี ต่อมาจำเลยที่ ๓ ในสำนวนหลังร้องอีกว่า โจทก์สำนวนหลังไม่มีสิทธิ์บังคับคดีแก่จำเลยที่ ๓ ในสำนวนหลังโดยอ้างเหตุผลทำนองเดียวกับที่จำเลยสำนวนแรกกล่าวไว้ในคำคัดค้านสำนวนแรก
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว วินิจฉัยว่าบ้านเลขที่ ๑๗/๖ ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลยที่ ๓ ในสำนวนหลัง การปิดคำบังคับที่บ้านดังกล่าวจึงชอบแล้ว มีคำสั่งให้โจทก์สำนวนแรกเข้าเฉลี่ยหนี้จากทรัพย์สินของนางตระหนี่จำเลยได้
นางตระหนี่จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นางตระหนี่จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นางตระหนี่มีบ้านอยู่ที่บ้านเลขที่ ๑๗/๖ ซอยศูนย์วิจัย แหงหนึ่ง ที่อ้างว่าย้ายออกจากบ้านดังกล่าวไปอยู่บ้านเลขที่ ๑๓๗ ตำบลสัตหีบ ๓ ปีแล้วนั้น นางตระหนี่คงมีแต่ภาพถ่ายใบแจ้งการย้ายมาแสดง ภาพถ่ายใบแจ้งย้ายดังกล่าวระบุว่าย้ายมาจากบ้านเลขที่ ๑๑๐ ซอยวิเศษสุข หาใช่บ้านเลขที่ ๑๗/๖ ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ไม่ นอกจากนี้ยังปรากฏจากสำนวนแรกว่านางตระหนี่อยู่บ้านเลขที่ ๑๐๕/๒ ซอยบ้านไทรทอง ถนนเพชรบุรีอีกแห่งหนึ่ง จึงเห็นได้ว่านางตระหนี่จำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕ ให้ถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นภูมิลำเนา บ้านเลขที่ ๑๗/๖ ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จึงเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของนางตระหนี่จำเลยที่ ๓ ในสำนวนหลัง การที่พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งแล้วปิดคำบังคับไว้ที่บ้านเลขที่ ๑๗/๖ ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ ๓ ในสำนวนหลัง จึงเป็นการส่งคำบังคับที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๗๔ และมาตรา ๗๙ แล้ว
พิพากษายืน.

Share