แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจับผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 7 ขวบให้ขึ้นไปนอนบนที่นอนพร้อมทั้งแก้ผ้านุ่งผู้เสียหายออกแล้วจำเลยแก้กางเกงแล้วนอนทับ เอาของลับใส่ในของลับผู้เสียหายขยับตัวขึ้นลงอันเป็นลักษณะการลงมือกระทำชำเราและผู้เสียหายรู้สึกเจ็บที่ของลับ ดังนี้ เป็นการเห็นได้แน่ชัดว่าจำเลยมีเจตนากระทำชำเราผู้เสียหาย และได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามกระทำชำเรา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ประกอบด้วยมาตรา 80
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ปลุกปล้ำกระทำอนาจารและกระทำชำเราเด็กหญิงปวีณา พันธ์ทอง อายุ 7 ปีผู้เสียหาย โดยใช้วาจาขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายและใช้ผ้าปิดปากผู้เสียหายซึ่งไม่ยินยอม จนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จำเลยได้ลงมือกระทำชำเราไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากอวัยวะเพศของผู้เสียหายมีขนาดเล็ก จำเลยจึงกระทำชำเราไม่สำเร็จ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 80, 279 วรรคสองประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2514 ข้อ 7, 9
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277, 80, 279 วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2514ข้อ 7, 9 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 277, 80 อันเป็นบทหนัก ให้จำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยเพียงแต่ต้องการรสสัมผัสของอวัยวะเพศเท่านั้นไม่เชื่อว่าอวัยวะเพศจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายจำเลยไม่มีเจตนาข่มขืนกระทำชำเรา คงมีความผิดฐานกระทำอนาจารโดยขู่เข็ญ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 9 ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงยุติว่า จำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหายส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยพยายามกระทำชำเราผู้เสียหายหรือไม่นั้น พฤติการณ์ที่จำเลยกระทำหากเพียงต้องการรสสัมผัสอวัยวะเพศอย่างเดียวดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จำเลยจะต้องแก้ผ้านุ่งผู้เสียหายและแก้กางเกงจำเลยขึ้นนอนทับผู้เสียหายเอาของลับใส่ขยับตัวขึ้นลงอันเป็นลักษณะการลงมือกระทำชำเรา ส่วนที่ว่าภายหลังเกิดเหตุแล้ว แพทย์ตรวจอวัยวะเพศของผู้เสียหายไม่ปรากฏว่ามีอาการผิดปกติ เช่น รอยฉีกขาด ฟกช้ำทั้งผู้เสียหายเบิกความว่า เมื่อจำเลยลุกขึ้นแล้วไม่มีน้ำอะไรเปียก ๆ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยจะกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่หรือไม่ นั้นไม่ใช่ปัญหาในการกระทำผิด และการตรวจของแพทย์ก็ได้ตรวจหลังเกิดเหตุเป็นเวลาถึง 1 เดือน จึงอาจไม่พบบาดแผล ตลอดจนลักษณะการกระทำของจำเลยก็ไม่ปรากฏว่ากระทำโดยวิธีรุนแรงอันจะทำให้เกิดบาดแผลแก่ร่างกายได้ตามข้อเท็จจริงและหลักฐานฟังได้แน่ชัดว่าจำเลยมีเจตนากระทำชำเราผู้เสียหายและได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามกระทำชำเราที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในข้อหานี้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 80, 279 วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ข้อ 7, 9 แต่ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 277, 80 อันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี