คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โจทก์ย่อมมีอำนาจแยกฟ้องจำเลยแต่ละคดีเป็นรายกระทงความผิด การวินิจฉัยอัตราโทษว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ จำต้องวินิจฉัยอัตราโทษที่ศาลลงในแต่ละกระทงความผิด จะรวมโทษทุกกระทงความผิดในคดีนั้นมาเป็นเกณฑ์วินิจฉัยได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกัน คือ ร่วมกันตัดฟันไม้ยางอันเป็นไม้หวงห้าม มีไม้ยางอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง และมีไม้ยางแปรรูปอันเป็นไม้หวงห้ามไว้ในครอบครอง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯลฯ
จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งหกมีความผิดตามฟ้อง ให้เรียงกระทงลงโทษกระทงละ ๒ ปี รวมเป็นโทษจำคุกคนละ ๖ ปี รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ ๓ ปี ของกลางริบ
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษจำเลยทั้งหกคนทุกกระทงความผิดไว้มีกำหนดคนละ ๓ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษจำคุกจำเลยโดยถือเกณฑ์เรียงกระทงโทษจำคุกที่ศาลพิพากษาลงโทษแก่จำเลยเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในกรณีที่จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โจทก์ย่อมมีอำนาจยกฟ้องจำเลยแต่ละคดีเป็นรายกระทงความผิด การวินิจฉัยอัตราโทษว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ จึงต้องวินิจฉัยอัตราโทษที่ศาลลงในแต่ละกระทงความผิด จะรวมโทษทุกกระทงความผิดในคดีนั้นมาเป็นเกณฑ์วินิจฉัยหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share