คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2023/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ศาลแรงงานกลางเพียงแต่ตรวจคำฟ้องและเอกสารประกอบคำฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้อง โดยมิได้กระทำในรูปคำพิพากษาก็ตาม แต่เมื่อคำสั่งนั้นอาศัยเหตุที่ว่าข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามที่ปรากฏในคำฟ้องพอให้เห็นได้แล้วว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาสู่ศาลเป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) มีผลเป็นการพิพากษาคดีแล้ว และการพิพากษาคดีนั้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 17,18 ผู้พิพากษาศาลแรงงานจะกระทำไปโดยไม่มีผู้พิพากษาสมทบฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างร่วมเป็นองค์คณะด้วยหาได้ไม่ เมื่อปรากฏว่าคำสั่งดังกล่าวมีแต่ผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางลงลายมือชื่อ จึงไม่เป็นคำสั่งคำพิพากษาอันชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานกลางให้ศาลนั้นพิพากษาใหม่ให้ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยเป็นคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีหน้าที่ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน จำเลยได้ทำคำชี้ขาดให้โจทก์จ่ายเงินค่าครองชีพและจ่ายเงินโบนัสประจำปีคนงานของโจทก์เพิ่มขึ้น โดยคำชี้ขาดของจำเลยนั้น โจทก์เห็นว่าเกิดจากความประมาทเลินเล่อมิได้สอบสวนข้อเท็จจริงให้รอบคอบ ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งของจำเลย

ศาลแรงงานกลางตรวจคำฟ้องแล้ว สั่งให้โจทก์ส่งคำชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ต่อศาล แล้วศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาสู่ศาลให้ยกฟ้องโจทก์เสีย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้รับฟ้อง

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า แม้ศาลแรงงานกลางจะได้กระทำเพียงแต่ตรวจคำฟ้องและเอกสารประกอบคำฟ้องเท่านั้น แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้องโดยมิได้กระทำในรูปคำพิพากษาก็ตาม แต่คำสั่งที่ให้ยกฟ้องนั้นอาศัยเหตุที่ว่า ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามที่ปรากฏในคำฟ้องนั้นพอให้เห็นได้แล้วว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาสู่ศาล เป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) จึงมีผลเป็นการพิพากษาคดีแล้ว พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 17 บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับมาตรา 18 ศาลแรงงานต้องมีผู้พิพากษา ผู้พิพากษาสมทบฝ่ายนายจ้างและผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้างฝ่ายละเท่า ๆ กัน จึงจะเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาคดี”และมาตรา 18 บัญญัติว่า “กระบวนพิจารณานอกจากการนั่งพิจารณาและพิพากษาคดี ผู้พิพากษาของศาลแรงงานคนใดคนหนึ่งมีอำนาจกระทำหรือออกคำสั่งใด ๆ ได้ โดยจะให้มีผู้พิพากษาสมทบฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้” เมื่อคำสั่งยกฟ้องคดีนี้เป็นการพิพากษาคดี ผู้พิพากษาของศาลแรงงานจึงกระทำไปโดยไม่มีผู้พิพากษาสมทบฝ่ายนายจ้างและผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้างร่วมเป็นองค์คณะด้วยหาได้ไม่ ปรากฏว่าคำสั่งดังกล่าวมีแต่ผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางลงลายมือชื่อ จึงไม่เป็นคำสั่งคำพิพากษาอันชอบด้วยกฎหมาย

พิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางพิพากษาใหม่ให้ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

Share