แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วันนัดสืบพยานจำเลย ตัวจำเลยมาศาล แต่พยานอื่นไม่มา จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน จำเลยจึงอ้างตนเองเข้าสืบได้ 1 ปากแล้วยอมให้ศาลตัดพยานจำเลยไปตามที่จำเลยเคยแถลงไว้ แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย และจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์หรือขอให้โอกาสจำเลยสืบพยานได้อีก ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาคดีไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น หากศาลอุทธรณ์เห็นควรฟังคำพยานจำเลยต่อไปอีก ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะเรียกพยานมาสืบเอง หรือส่งสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจว่าใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๘, ๑๔๙, ๑๕๗ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๔, ๕, ๑๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์หมดแล้ว ทำการสืบพยานจำเลยคือตัวจำเลยอ้างตนเองเข้าเบิกความ แล้วจำเลยยอมให้ศาลตัดพยานจำเลย ศาลชั้นต้นตัดพยานจำเลยและพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์หรือให้โอกาสจำเลยสืบพยานจำเลยได้อีก
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าควรให้โอกาสจำเลยนำพยานเข้าสืบ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยจนเสร็จสิ้นแล้วพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นจึงนัดสืบพยานจำเลย ก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำให้การใหม่ขอถอน คำให้การปฏิเสธฟ้องเดิม และขอรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง
โจทก์ฎีกาขอให้พิพากษาลงโทษจำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของโจทก์ที่คัดค้านการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เป็นอันยุติ ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะจำเลยยื่นคำให้การใหม่ ไม่ขอต่อสู้คดี เท่ากับว่าไม่ต้องสืบพยานแล้วและศาลฎีกาได้พิเคราะห์รายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ว่า “วันนี้มีแต่ตัวจำเลยที่มาศาล ส่วนพยานอื่นนอกจากนี้ไม่มาศาลและจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนเพราะจำเลยแถลงไว้ว่าจะไม่ขอเลื่อนอีก และถ้าพยานจำเลยไม่มาศาลด้วยเหตุใด ๆ ก็ยอมให้ศาลตัดพยานจำเลยได้ (รายงานพิจารณาลงวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๐๙) แล้วจำเลยอ้างตนเองเข้าสืบได้ ๑ ปาก แล้วจำเลยยอมให้ศาลตัดพยานจำเลยไปตามที่จำเลยแถลงไว้” เช่นนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาคดีไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น หากว่าศาลอุทธรณ์ยังเห็นควรฟังคำพยานจำเลยต่อไปอีก ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะเรียกพยานมาสืบเสียเองได้หรือจะส่งสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นกระทำการสืบพยานจำเลยเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๐๘ เสร็จแล้วให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนคืนมายังศาลอุทธรณ์เพื่อตัดสินคดีก็ได้ แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นไปแล้ว จึงยังไม่ถูกต้อง ครั้นกระบวนพิจารณาดำเนินมาถึงขั้นนี้ ปรากฏว่าจำเลยไม่ต้องการสืบพยาน ขอรับสารภาพ ขอให้ศาลตัดสินคดีไปโดยเร็ว จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์จะได้พิจารณาพิพากษาคดีให้ถูกต้องตามรูปคดี
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ส่งสำนวนย้อนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่