คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด. ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม 2508เวลากลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกับวันที่ 28 ตุลาคม 2508เวลากลางคืนก่อนเที่ยง. ซึ่งหมายถึงเวลากลางคืนของวันที่27 ตุลาคม 2508 ตลอดคืน. และจำเลยก็นำสืบต่อสู้คดีว่า ในวันที่ 27 ตุลาคม 2508 ตั้งแต่เวลา 17 นาฬิกา.จำเลยไปเยี่ยมญาติซึ่งป่วยจนถึงเที่ยงคืนจึงกลับไปอยู่บ้าน. แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่ากล่าวหาจำเลยกระทำผิดในวันเวลาใด. ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.
จำเลยขึ้นไปบนเรือนและใช้ขวานฟันผู้ตายที่คอ ผู้ตายยังไม่ตายทันที. เมื่อจำเลยลงจากเรือนผู้ตายไปแล้ว.ผู้ตายร้องครางขึ้น จำเลยจึงย้อนขึ้นไปฟันที่คอผู้ตายอีกครั้งหนึ่ง. เป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิมเพื่อจะให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย. ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ระหว่างวันที่ 27ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกับวันที่ 28 ตุลาคม2508 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยใช้ขวานทำร้ายนายสิงห์บุญญาศรี กับพวกด้วยความทารุณโหดร้าย โดยเจตนาจะฆ่า ขอให้ลงโทษตามมาตรา 288, 289, 80 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยการกระทำทารุณโหดร้ายและพยายามฆ่าคนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,288, 80 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นบทหนัก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนหลังเที่ยงติดต่อกับวันที่ 28 ตุลาคม 2508 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งเป็นที่เข้าใจว่าคิดแต่เวลาพระอาทิตย์ตกของวันที่27 ตุลาคม 2508 ไปจนถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นของวันที่ 28 ตุลาคม2508 คือหมายถึงเวลากลางคืนของวันที่ 27 ตุลาคม 2508 ตลอดคืนนั่นเอง ซึ่งในการต่อสู้คดีของจำเลย จำเลยก็นำสืบว่า ในวันที่27 ตุลาคม 2508 ตั้งแต่เวลา 17 นาฬิกา จำเลยไปเยี่ยมนายแสวงน้าเขยจำเลยซึ่งป่วยมีอาการปวดท้อง จำเลยอยู่บ้านนายแสวงจนถึงเที่ยงคืน จึงกลับไปอยู่บ้าน จำเลยมิได้ไปกระทำความผิด แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่ากล่าวหาจำเลยกระทำผิดในวันเวลาใดสามารถนำสืบแก้คดีได้ถูกต้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม และเห็นว่าที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยเป็นคนร้ายใช้ขวานฟันนายสิงห์กับพวกโดยจำเลยมีเจตนาฆ่าชอบด้วยรูปคดีแล้วส่วนที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่จำเลยย้อนขึ้นไปฟันคอนายสิงห์ผู้ตายอีกครั้งหนึ่งเมื่อนายสิงห์ครางขึ้น เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามรายงานชันสูตรพลิกศพปรากฏว่านายสิงห์ผู้ตายมีบาดแผลที่คอ หลอดลมขาดเพียงแผลเดียว การที่จำเลยย้อนขึ้นไปฟันนายสิงห์อีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นการฟันซ้ำที่แผลเดิม เพื่อจะให้นายสิงห์ถึงแก่ความตายเท่านั้น ยังไม่เข้าลักษณะที่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้าย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา289(5) ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น จำเลยควรมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และมาตรา 288ประกอบด้วยมาตรา 80 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นกระทงหนัก.

Share